Suggestion Post

Review ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 6 อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ภาค 6 อวสานหงสา        ตอนสุดท้ายของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ไทย บทสุดท้ายที่เล่าเรื่องของจุดจบของพ...

2554-06-09

เล่าเรื่องงานอบมรมผู้นำอาสาภาวะวิกฤต (ตอน ๑ )

อนาคตของโลก อาจจะเป็นหรือไม่เป็นเเบบนี้ก็ได้

เมื่อวันที่ 1-3 มิ.ย. ๕๔ ได้มีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมในโครงการภาวะผู้นำอาสาในภาวะวิกฤติ ซึ่งจัดโดยกระทรวงพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับเครือข่ายภาคปชช.หลายเเห่ง เช่น มูลนิธิ ๑๕๐๐ ไมล์ เครือข่ายราษฏร์อาสาปกป้องสถาบัน เครือข่ายภัยพิบัติภาคประชาชน เเละอีกมากมาย ร่วมกับวิทยากรที่ยอดเยี่ยมหลายท่าน มีคุณปิยชีพ คุณรัฐภูมิ คุณบวร ยสินทร คุณทหารจากหน่วยงานนึง ถ้าจำไม่ผิดนะจะชื่อว่า มนตรา ละมั้งนะ

 วันเเรกก้มีเวิร์คช็อบกันว่า จะเเก้ภัยพิบัติยังไง จะทำอะไรได้บ้างเเล้วเมื่อเกิดจะรู้ได้งัย เตรียมอะไรบ้าง ซึ่งวิทยากร ท่านนึงจำชื่อไม่ได้ รู้สึกจะเป็นนายเเพทย์มั้งนะคะ ก็ไดใ้ให้ทุกคนในห้อง เขียนคำถามที่จะถามเกี่ยวกับภัยพิบัติ ลงกระดาษซึ่งส่วนใหญ่จะเขียนว่า ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ จะเกิดเมื่อไรที่ไหน เกิดเเล้วทำไงต่อไปเตรียมอะไรบ้าง เเละจิปาภะมากมาย เเล้วกลุ่มของ จี ก็ได้ถามคำถามเด็ดๆไว้ ซึ่ง จี ถามว่า เมื่อไรคนไทยจะเลิกรอพึ่งเเต่ความช่วยเหลือจากคนอื่นเสียที เมื่อไรคนไทยจะเลิกวัวหายล้อมคอกเสียที เเละที่ประทับใจ คือ มีคนตั้งคำถามว่า เราควรจะเริ่มต้นอย่างไรก่อน  

ต่อจากนั้นในตอนกลางคืนก็ได้มีการบรรยายโดยคุณรัฐภูมิผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ๑๕๐๐ ไมล์ คะ ซึ่งคุณรัฐภูมิได้เล่าเรื่องราวชีวิตความเป้นมาของเค้าตั้งเเต่จุดเริ่มต้นว่า ทำไมถึงได้มาเป็นอาสาสมัครช่วยเพื่อนร่วมโลก เเละทำไมจึงเกิดเป็นมูลนิธินี้ขึ้นมาได้ ซึ่งระหว่างฟังเรื่องเล่าก็คิดในใจว่า เป็นชีวิตที่ยากลำบากไม่น้อยเลยตั้งเเต่เเม่ของคุรรัฐภูมิเสีย โดยสาเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยกับคนที่มีเงินมีทองมีทุกอย่างเเล้ว เเถมยัง มีเเต่ความเเค้น มีเเต่ความเศร้าเสียใจมีเเต่ความคิดลบเต็มไปหมด ซึ่ยอมรับว่า ฟังเเล้วรู้สึกตามไปด้วยเลยคะเเต่ที่โดนใจที่สุดเลย คือ ตอนช่วงที่คุณรัฐภูมิจะพายเรือครบเเล้ว ๑๕๐๐ เนี่ยเเระ มันรู้สึกว่า เห็นเส้นทางอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในใจของ จี เอง มันเป็นอะไรที่ จี เองก้กำลังไขว่คว้าหามันมาตลอดเลยนะคะ กับเส้นทางชีวิตที่ยากลำบากมากๆ ที่ จี ไม่รู้ว่าเราไปถึงไหนเเล้วกันเเน่  จี จะไปถึงไมล์ที่เท่าไรกันเเล้วนะ ใกล้จะถึงยัง รึจะอยุเเค่ครึ่งเดียวของเส้นทางเเล้วระหว่างเดินไปตามทางนั้น จี เคยหยุดอยู่เพื่อมองกับสิ่งรอบตัวบ้างไหมนะ บางทีก้อดสะท้อนใจไม่ได้ว่า จี ไม่มีอะไรเลย พยายามดิ้นหาเป้าหมายเเต่มันก็ไม่เคยมีเลยจึงต้องตามหามันตลอดเวลา.

คุณรัฐภูมิ ประธานมูลนิธิ ๑๕๐๐ ไมล์ที่พายเรือเพื่อเเม่เเละช่วยผู้ประสบภัย

เเต่เรื่องราวของคุณรัฐภูมิเป็นเหมือนภาพสะท้อนใจ จี มากกว่าว่า จี เนี่ยะทั้งชีวิตไม่มีอะไรเลยที่มีค่าเเละมีความหมายในการมีชีวิตอยู่เลยสักนิดเดียว มีเเต่ความว่างเปล่าล้วนๆ ถ้าหลายๆคนจะบอกว่า เอ้า เเล้วที่ จี คุยอยู่นี่ทำอยู่นี่มันไม่มีค่ารึ จี ก้มองว่ามันมีค่านะ เเต่มันเป้นคุรค่าที่ว่างเปล่ามากในทางจิตใจนะ ถ้ามองในเเง่ของทางสังคมถือว่ามันก้มีค่าคะ เเต่ในทางจิตใจของ จีนั้น มันกลับว่างเปล่ามาก จี มีเส้นทางลึกๆในใจที่มองอยู่ เเต่มันกลับควานหายากมาก ก้คงเหมือนการพายเรือของคุณรัฐภูมินั้นเเระที่พายเพื่อพาเเม่เที่ยวเเละปลดปล่อยตัวเองไปในตัวด้วยนะสิ




เเละเมื่อมาถึงตอนท้ายๆคุณรัฐภูมิก็พูดสิ่งที่ทุกคนก็รุ้กันอยู่เเล้ว นั้นคือ เค้านำคำพูดของไอนืสไตน์ที่ จี ชอบมากมาบอกกับทุกคนว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้  เเละการคิดนอกกรอบพาตัวเองออกจากกรอบให้ได้เพื่อไปเจอโลกกว้างง ดังนั้นคำนี้เเระที่ทำให้ จี ถึงกับร้องไห้เลยเพาะ จี รุ้ตัวเองดีว่า ชีวิตตัวเองไร้อิสระในการทำสิ่งใดๆโดยสิ้นเชิง โดนสังคมกำหนดทุกอย่างมาให้โดยไม่ต้องเลือกเอง เเต่ถามว่าเเล้วถ้าเราเลือกเองเเล้วไปทำร้ายคนละ จะยังเลือกไหม บางคนอาจตอบว่าเลือก เเต่ จี คงไม่เลือก เพาะ จี จะเอาทั้งหมด เเม้ว่่าการเลือกนั้นจะทำให้สิ่งๆนั้นต้องถูกทำลายงไปก้ตามที  เพาะงั้น จี ถึงรักอิสระเเละโลกส่วนตัวสูงมากกว่าการมีสังคมมีเพื่อนที่ไม่ได้สนิทมากนัก เเต่ จี เลือกที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าด้วยสิ่งดีๆ พบเจอเเต่ความสุขสงบใจ ไม่ต้องทรมาน เเละมีอิสระที่จะกำหนดชีวิตตัวเองได้โดยไม่มีใครมาเปนผู้กำหนดให้  จี อยากได้สิ่งนี้ที่สุด..



ต่อจากนั้น จี ก้บอกกับตัวเองว่า การทำอะไรเพื่อสังคมนั้น คงเปนสิ่งที่เราอยากทำมั้ง เราอยากได้สิ่งที่เรียกว่า รอยยิ้มเเละ โลกกว้างนี่ละ คือ เป้าหมายในชีวิตของ จี เเต่เเล้วงานก้จบลงด้วยคำพูดที่สุดเเสนวิเศษของคนๆนึ่งที่อาจจะช่วยปลุกไฟในตัวคนขึ้นมาได้นี่เอง..

จี ว่าตัวเองบ้านะ นิยมเเต่อะไรที่เพ้อเจ้อเเละบ้ามากไป เเละดูเปนไปไม่ได้ในสายตาคนอื่นนัก เเต่ขอบอกว่ามันไม่ใช่ว่าเพ้อเจ้อ ต้องเรียกว่า บ้าเลยละ ก็ในเมื่อความบ้าของคนๆนึ่งนั้นเปลี่ยนเเปลงทุกคนได้ เเล้วจะไม่ทำละ ธรรมชาติสร้างมนุษย์ส่วนเล็กขึ้นมาเพื่อให้คนเหล่านั้น ทำหน้าที่เปลี่ยนเเปลงโลก เเละส่วนมากทำหน้าที่ คงอยู่เช่นเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนเเปลง ซึ่งถ้ามีคนส่วนมากที่อยุเเต่เดิมๆก็ไม่มีการพัฒนา เราอาจไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสะดวกสบายเเบบทุกวันนี้ก็ได้นะคะ



สุดท้ายนี้ขอจบการเล่าเรื่องราวในงานที่นำมาผนวกกับความรู้สึกของ จี นะคะ
ก้จบตอน ๑ คะ เเล้วเจอกันในตอนต่อไปนะคะ สวัสดีค


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Comment here (เขียนความคิดตรงนี้นะ)