Suggestion Post

Review ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 6 อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ภาค 6 อวสานหงสา        ตอนสุดท้ายของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ไทย บทสุดท้ายที่เล่าเรื่องของจุดจบของพ...

2557-06-29

Review "เที่ยวทะเลแหวก ดำน้ำอ่าวนาง ตัวเมืองกระบี่"

เที่ยวทะเลแหวก ดำน้ำอ่าวนาง ตัวเมืองกระบี่

ในที่สุดก็ได้เวลาของการ รีวิวการท่องเที่ยวทริบกระบี่ ทัวร์ดำน้ำทะเลแหวก อ่าวนางแห่งเมืองกระบี่
จดจำได้ว่า วันที่ไป คือวันที่ 18/4/57 - 20/4/57 ไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน เป็นทริปเที่ยวที่สนุกและตื่นเต้นมากที่สุด มีเรื่องประทับใจและเรื่องขำๆ ปนไม่ประทับใจหลายเรื่อง  ทริปนี้เป็นทริปที่ใช้เวลาวางแผนล่วงหน้า 1 เดือนเลย เพราะว่าต้องจองที่พัก และตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถทัวร์  หลายๆอย่างก็ดูจะกระชั้นชิดนะ กว่าจะได้อะไรลงตัวก็ทะเลาะกับแฟนไปหลายรอบแล้ว 555

ก่อนที่จะไปเที่ยวแบบเต็มๆ ก็ทำการนั่งเสริจช์หาข้อมูลในอินเตอร์เนตนี่ละ ก็ต้องขอบคุณ อากู๋ google.com ที่ช่วยทำให้ค้นพบการเดินทางท่องเที่ยวที่สนุกในครานี้  

สิ่งที่ต้องทำก่อนอันดับแรก

1. เลือกก่อนว่าจะเดินทางอย่างไร จะพักที่ไหน จะไปเมื่อไร กี่โมง

-  บริการของจีน่าในทริปนี้ คือ ขาไปใช้บริการเครื่องบินแอร์เอเชีย แต่ขากลับใช้บริการของรถทัวร์ เป็นอะไรที่ดูขัดหูขัดใจตนเอง ตอนแรกอยากไปทั้งขาไปและกลับ แต่งบเดินทางเกินจากที่ตั้งไว้เลยเลือกกลับด้วยรถทัวร์ (แหะๆ)

เข้าเวปไซต์   Airasia.com   ดูราคาลดในตอนนั้น คนละ 890 บาท มาเจอรวมภาษีนู้นนี่นั้น(มีค่าโหลดน้ำหนัก 2 คน และอีกหลายอย่าง ทั้งค่าภาษีสนามบิน ค่าน้ำมัน ค่าvat7% ) ปาเข้าไป เกือบ 3000 บาท !!!  (เห็นราคาแล้วจะเป็นลมมม!!)  เลยไม่เอาไม่จองกับเวปแอร์เอเชีย  เลยนั่งหามา 2 วันสุดท้ายมาลงที่เวปไซต์  expedia.co.th  จองตั๋วของสายการบินแอร์เอเชียเช่นกัน ราคา 890 บาท (มีค่าธรรมเนียมของเวปด้วย 300) และมาตัดสินใจเอาตอนท้ายๆ  ขอซื้อบริการโหลดน้ำหนักเพิ่มอีก 300บาท /1คน สิริรวมจ่ายไป 2600 บาท ถูกกว่ากัน 400 บาท แต่ที่นั่งที่ได้นั่งอยู่ริมทางเดิน ไม่ได้นั่งติดกัน แต่ก็ดีหน่อยตรงที่ไม่เสียภาษีอื่นๆ รวมถึงประกันเดินทางอะไร เพราะดูแล้วน่าจะรวมในราคาค่าธรรมเนียมแล้ว โดยเลือกไปเที่ยวบินเย็นๆ ออกตอน 5 โมง ต้องเช็คอินก่อนล่วงหน้า 1 ชม.

ต่อมาก็มาเลือกรถทัวร์บขส. จอง 2 ที่นั่งจากกระบี่กลับกทม. คนละ 700 บ.มั้ง รวมแล้ว 1400 บ.คะ นั่งรถทัวร์แอร์  2 ชั้น อย่างดีมีของว่างนิดหน่อย จ่ายค่ารถทัวร์ที่ 7-11 เสร็จแล้วก็มาเลือกโรงแรมที่พัก  ในตอนแรกคุยกันว่า ไฟลท์ที่เลือกบินนั้นเป็นช่วงเย็นจะไปถึงที่พักในเมืองก็ราวๆ 18.30 น. ก็เลยเลือกหาที่พักถูกๆในตัวเมืองอยู่ไปก่อน (ตอนหลังมารู้ว่า ไม่น่าเลือกที่พักในเมืองเลย เพราะความไม่สะดวกหลายอย่าง)  ก็เลยตกลงใช้บริการของเวป booking.com  โดยรวมเวปนี้ใช้งานง่ายและมีบริการวางแผนการเดินทางกับจองการเดินทางที่อธิบายง่ายกว่าอีกเวปไซต์หนึ่ง

ที่พักในเมืองที่พักแรกเลยที่เลือกใช้ คือ กระบี่คอนโดเทล  ราคา 800 บาท/คืน เป็นห้องพักแอร์ ดูสะอาดสะอ้านดังในภาพ แต่มานั่งดูรีวิวของคนเคยพักแล้วก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม คะแนนโหวตให้น้อยมาก แต่ก็ตกลงจองห้องนี้เอาไว้นอน 1 คืนในวันที่ 18/4/57   (ชอบการจ่ายเป็นเงินสด เหมือนให้จองไว้แล้วจะไปพักเมื่อไรก็จ่ายเงินสดเลย)

ที่พักแห่งที่ 2 จองเอาไว้เป็นโรงแรมกระบี่เฮอร์ริเทจ เป็นโรงแรมระดับกี่ดาวไม่รู้ รู้แต่ว่าราคากับคุณภาพน่าจะโอเค เพราะไปดูรีวิวแล้วคะแนนสูงเอาเรื่องเลยละ  แถมอยู่ใกล้กับชายหาดอ่าวนางด้วย ก็จองห้องแอร์เอาไว้ในราคา 1,080 บาท (จ่ายด้วยบัตรเครดิต ไม่มีชาร์จ) จองเอาไว้ซุกหัวนอนคืนวันที่ 19/4/57

จากนั้นก็รอเวลาให้ถึงวันหยุดอย่างใจจดใจจ่อ 555

2.วันไปเที่ยว วันขึ้นเครื่องบิน

ออกจากบ้านตอน 13.00น.  แต่ยังมีเวลาเหลืออีกบานเลยไปแวะเซ็นทรัลลาดพร้าว  หาของอะไรกินก่อนขึ้นเครื่อง หิ้วกระเป๋าแพคไป 3 ใบ มี ล้อลาก 1 ใบ เป้ใส่คอม 1 เป้ส่วนตัว 1 และก็กระเป๋ากล้องเล็กๆ 1 ใบ
ทำอะไรในห้างเสร็จ กดเงินเตรียมเดินทางเที่ยวเรียบร้อย งบกินเที่ยวแหลก แบบไม่จ่ายอะไรมาก เพราะจะซื้อเยอะ สิริ 7,000 บาท

-ค่าเสียหายข้าวเที่ยว ฮาจิบัง 450 บาท
-รถแท็กซี่ไปเซ็นทรัลลาดพร้าว 60 บาท และไปดอนเมือง 60 บาท โดยประมาณ


เดินทางไปถึงสนามบินด้วยเวลาก่อนเช็คอิน ตอน 14.30น. 
ไปถึงรอให้ประตูเช็คอินเปิดตอน 15.00 น.ก็ไปนั่งรอ 
สลัดช่วยชีวิต

แล้วเดินเข้าร้านสวนจิตรลดา ซื้อสลัดมา 2 ห่อ น้ำ 1 กล่อง นั่งกินสลัดไปแค่ 1 กล่องหมดเงินไป 60 บาท ได้มั้ง แต่ขอบอกว่า สลัดอร่อยมากเลยนะ กินแล้วฟินสุดๆ


จากนั้นพอถึงเวลาก็เดินเข้าเช็คอิน ชั้งน้ำหนักกระเป๋า ทั้ง 3 ใบรวมแล้ว 12 โลกว่าๆ สรุปคิดถูกจริงๆที่ซื้อโหลดใต้เครื่องมา 1 คน ส่วนอื่นคนก็ไม่ได้ซื้อก็ให้แบกกระเป๋าใบเล็กๆขึ้นเครื่องไปตามปกติ พอเคลียร์เอกสารก็รับตั๋วเดินทาง 2 ใบ ไปรอที่จุดพักผู้โดยสารในอาคารเพื่อรอขึ้นเครื่อง ระหว่างรอก็เข้าเซเว่นซื้อขนมกับน้ำกินรองท้องไป


 แล้วนั่งรอเครื่องบินเปลี่ยนยางเข้าเทียบท่า สายการบินแอร์เอเชีย ไฟล์17.30 น. บนเครื่องก้ตามปกติ แต่ตอนขาลงจากเครื่องบินนี่ละสิ หนาวสะท้านปวดใจไปตามๆกัน  กัปตันบินคราวนี้ ฝีมือเยี่ยมมากๆนะ แม้จะลงจอดกระแทกไปนิดนุงก็ตาม



เครื่องบินเที่ยวนี้มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น   ลงจอดไม่ได้!   พายุเข้า !! ที่สนามบินกระบี่...


นั่งสวดภาวนาแล้วว หลังจากกัปตันบอกว่า อาจจะลงจอดได้อีกครึ่งชั่วโมง  สิ่งที่วางแผนไว้ว่าจะไปถึงห้องพักตอน 6โมงครึ่งเป็นอันตกไป  เครื่องบินวนรอบๆสนามบินกระบี่รวมๆแล้วหลายสิบเที่ยว   ส่วนจีน่าก็กำลังจะตายเพราะ ในหูจีน่า ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ขยับปากพูดกับใครก็ไม่ได้ เส้นประสาทตึงเครียด  ไม่ได้เครียดเพราะกลัวเครื่องบินจะตกนะ  แต่รู้สึก "เมื่อไรเครื่องจะลง ช้านเจ็บหู.."    จีน่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

หูมันเริ่มอื้อแล้วเส้นแก้วหูมันรู้สึกเหมือนแรกดอากาศดึงเส้นจนตึง ถ้าไปขยับคอให้มีการกระแทกเมื่อไรจะรู้สึก แก้วหูแตกแน่ๆเลยละ  ปวดไปหมด ปวดคอ ปวดหู  ในใจก้คิดว่าเมื่อไรจะลงจอดสักทีเว้ยยยยย... แล้วก็คิดถึงเจ้าที่เจ้าทาง เทวดาขึ้นมา รู้สึกว่า  "เฮ้ยย หรือว่าเจ้าที่เจ้าทางเค้าจะไม่อยากให้เรามาลงที่กระบี่นี้"  นั่งคิดวิตกไปต่างๆนานาๆ ก็สวดมนต์ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง เทวดาที่รักษาสถานที่นี้ ช่วยคุ้มครองให้ลงจอดได้ไวๆ   หลังจากนั่งภาวนาไปครึ่งชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดด้วยเอาล้อหลังลง กระแทกจนคิดว่า ก้นจะพัง ฮืออ ๆๆ   ฝรั่งคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าช้านนี่ร้องห่มร้องไห้เลยละ แต่จีน่ากลับคิดว่า "เฮ้ออ  หูชั้นจะได้หายสักที "
 ถึงแล้วสนามบินกระบี่ !!




นั่งรอสัก10นาที ก็มีรถชัสเตอร์บัสมารับที่เครื่องบิน พออกมาฝนก้ตกเบาๆแล้วละ และเห็นภาพชัดเลยว่า เครื่องบินจอดเกือบชนอาคารผู้โดยสารแล้วว  "แม่เจ้าเอยย!"  รู้สึกถึงช่วงของการผจญภัยครั้งแรกกับการขึ้นเครื่องบิน ทั้งที่ก็ไม่เคยกลัวเครื่องบินนะ


เอาละ !! มาถึงก็รอรับกระเป๋า ออกจากประตูมาเจอช่องขายตั๋วรถชัตเตอร์บัสจาก สนามบิน ถึง อ่าวนาง  ราคา 150 บาท ต่อเที่ยว


แต่ครั้งนี้เรากำลังจะไป 
ที่พักกระบี่คอนโดเทล 
ก็ซื้อตั๋วในราคา 80บาท /คน  ได้ตั๋วมาแล้วก็มี
รถมาจอดรออยู่เลย     เยี่ยม!!

<<  ราคาค่ารถบัส ดูตามหลังบัตรเลยนะจ้ะ



ขึ้นรถบัสไปแล้วนั่งแถวกลางๆ ได้นั่งแบบก้นเปียกๆเพราะฝนตกน้ำหยดลงมาโดนเบาะรถ  "เฮ้ยย รถแม่งสภาพเก่าเจงๆ มะมีเงินบำรุงกันเลยยย "  แต่ก็นะ เครื่องมือทำมาหากินเค้านี่นะ   นั่งรอสักพักก็ออกตัวเข้าตัวเมือง ผ่าน กะฉึก กะฉัก ปู๊นๆ
 (เว้ย..มะใช่รถไฟ..เอ้าหรา แฮะๆ) 

ทางเข้าที่พัก(กลางวัน)
หน้ากระบี่คอนโดเทลจนถึงปากซอยลิบๆ 1 กม.

ตอนกลางคืนก็มืดมองทางไม่เห้นมองไปทางซ้ายเห้นแต่อะไรก็ไม่รู้  พอขับไปสักพักรถก็วิ่งไปจอดที่จุดจอดรถกลางสำหรับเข้าตัวเมือง  สุดท้ายก็ยังหาที่พักไม่เจอ จนมีคนขับพาไปส่ง จนถึงบางอ้อ!!

มีน้ำร้อน

ความสะอาดของห้องพักสุดยอดมากทั้งเตียง ตู้
โต้ะ เหมือนยังทำความสะอาดตลอดเวลา
เป็นจุดเด่นของบริการที่นี่ แม้จะไม่ค่อย
สะดวกในการเดินทางเข้าที่พักสำหรับคน
ที่ไม่มีรถส่วนตัวและอื่นๆ ก็ตามที












ทางเข้ามองเห็นแต่ป้ายบอกว่าอยู่ในซอยตรงเข้าไปอีกสักระยะ เป้นซอยมืดๆเปลี่ยวๆมีบ้านคนอยู่ 3-4หลังเอง

ตอนแรกตั้งใจว่า ถ้าลงจากเครื่องบินเอาของไปเก็บที่พักแล้วจะเข้าตัวเมืองไปหาอะไรกินสักหน่อยแต่นี่โฮกาสไม่อำนวย ฝนตกพายุเข้า แถมรวงร้านค้าไม่มี รถไม่มี เลยจำใจเอาสลัดจิตรลดามากินแก้วหิวกันพร้อม มาม่าๆ  ฮืออๆๆ  สุดท้ายก็อาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอน


แต่ห้องพักที่นี่ก็เข้าใจแล้วว่าทำไม คะแนนโหวตถึงได้น้อยเพราะว่า สะอาดก็จริงแต่ไม่มีของใช้จำเป็นนอกจากน้ำดื่ม กับสบู่ แชมพู นิดๆ แล้วพอดีจีน่าไม่ได้ซื้อยาสีฟันมาด้วย กะว่ามาถึงจะมาซื้อที่สนามบินกระบี่ สุดท้ายเลยไม่ได้แปรงฟัน นอนหลับอุตุแบบตื่นมาเช้าอีกวันเป็นเวลา ตีห้า  ..

แต่ขอบอกเลยว่า แฟนจีน่าก้อดทนมากนะ นอนไม่หลับ ตาบวมๆตอนเช้า มาปลุกจีน่าตอนตีห้าเพื่อนั่งรถเข้าไปหาอะไรกินในตลาดตัวเมือง  เอิ่มม..จิบอกว่า สภาพแฟนดูไม่ได้คร้าาา เหมือนโจรหน้าเมาที่กำลังจะข่มขืนสาวน้อยเรยคร้าา -/\-"

ในใจคิดว่า อะไรจะเกิดก้ต้องเกิดแล้วละ หลังจากเมื่อวานเจอเครื่องบินดีเลย์ หาไรกินไม่ได้ เช้าวันนี้จีน่าทำใจกับสภาพที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไปแบบมึนๆงงๆ ลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกไปรอรถตรงสี่แยกคลองจิหลาด ตั้งแต่ตีห้าจน 6โมงเช้า จนพึ่งมีรถของคุณลุงที่จีน่าไปโบกๆไปมาๆ จนเค้าจอดรับเพื่อไปส่งยังตลาดในเมือง ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณลุงผู้ใจดีคนนั้นจริงๆกับการเอื้อเฟื้อไปส่งยังตลาดตอนเช้า

ตลาดสดตอนเช้าในเมืองกระบี่

 

เดินเข้าไปมองหาร้านอาหารมีแต่ร้านมุสลิมกับร้านอาหารจำพวกไก่ๆ  แต่ตอนเช้าๆกินยังไม่ลง สุดท้ายมาลงตัวที่ร้านขายโจ๊ก สั่งไป 1  ชามเล็ก 25 บ.

และแฟนสั่งข้าวหมกไก่ 30บ. แถมด้วยก๋วยจั้บ 30 บาท  สรุบเช้านี้ก็รอดตายจากมื้อเมื่อวานไปแบบเฉียดฉิว  (ราคารวม 85 บ. ราคาเบาๆ)

 ..และด้วยความที่แฟนจีน่ากำลังทำตัวเป็นผู้นำที่ดี กลัวไม่มีน้ำดื่มแบบเมื่อคืน จึงลุยไปเซเว่นไปซื้อน้ำและขนมตุนเอาไว้ในห้องพักหมดไปร่วม 200 บาท (อุดส่าไปไกลสุดท้ายมาจบที่ เซเว่นอีเลเว่น =O=")

ห้างโวค
นั่งรถกลับห้องพักด้วยราคารถ 2 แถวกระบะสีแดง
ที่เขียนว่า "วิ่งเฉพาะในตัวเมืองกระบี่" 
ไปขึ้นที่ห้างที่ใหญ่สุดในเมืองกระบี่  "ห้างโวค" 
เดินจากตลาดมายังถนนหลักสัก 2-3ซอยเจอรุปปั้นก็
อยู่ด้านซ้ายมือเลยละ   

สมัยเด็กเคยมาครั้งนุงจำได้ว่ามันก็ดูใหญ่ดีพอโตมาอีกที ทำไมมันเล็กจังว้าา  แต่อาหารการกินก็ครบเครื่องอยู่นะ สินค้าในระดับหรูทีเดียว ราคา 2 แถวคนละ 20 บ./คน (ขึ้นรอบที่ 1หมดไป 40บ.)

  
แผนที่เมืองกระบี่

กลับถึงที่พักกระบี่คอนโดเทลพร้อมถ่ายรูปชมวิวไปด้วย ด้วยอัตราการตื่นเต้นปนเหนื่อยยาก 555

3.เดินทางล่องทะเลอ่าวนาง ดำนำดูปะการัง วันที่ 2 ของการเดินทาง

-ทริบนี้ได้รับการอานิสงค์จากแฟนไปหามา จากเวปไซต์   ทัวร์อ่าวนางทะเลแหวก  เจอทริบดำน้ำดูปะการังด้วยเรือหางยาวราคาคนละ 450 บาท ตอนแรกเถียงกันว่าจะไปเรือเร็วดีไหมเพราะเวลาไปกลับดูน่าจะไป-กลับเร็วกว่าเรือหางยาวนะ  แต่ก้มานั่งเถียงกันจนจีน่ายอมนั่งเรือหางยาวด้วยใจวิตกว่า "ขึ้นเรือแล้วเรือจะจมเรือเล็กไปอะไรแบบเนี่ยะ "

เมื่อตกลงปลงใจได้แล้วจีน่าจึงจัดการโทรไปหาบจ.ทัวร์ทริปนี้ให้เค้าส่งใบเสนอราคามา ถูกกว่าในหน้าเวปไม่เท่าไร ก็คนละ 380บ./คน ก็ไปโอนเงินส่งใบแจ้งเงินเก็บเอกสารไว้รอรถมารับที่หน้ากระบี่คอนโดเทล บจ.ทัวร์บอกว่าจะส่งรถมารับหน้าที่พักเลยให้เตรียมตัวรอได้

เช้าวันท่องเที่ยว

 หลังจากกลับจากหาอะไรกินที่ตลาดในเมืองเรียบร้อยก็เก็บกระเป๋าเดินทาง ได้ของแถมมาคือกระเป๋าใส่ขนมอีก 1 ใบ (คิดไว้แล้วว่าต้องมีของเพิ่มเลยเตรียมถุงผ้าไปใส่ ^//\\^)

รถที่มารับคือรถสองแถวแบบยาวๆ สีฟ้าเทา คันใหญ่ มีที่นั่งสองฝั่งและตรงกลางด้วยก็ขึ้นรถไปแบบทุลักทุเลมากๆ 555  รถวิ่งจากสี่แยกคลองจิหลาดมุ่งหน้าไปยังหาดนพรัตน์ธารา ขับด้วยความเร็ว80-100กิโล/ชม. เห็นจะได้เพราะตอนรถเข้าโค้ง ตัวกระเด็นเลยจ้าาา...

ในที่สุด !!  ก็มาถึงหาดนพรัตน์ธารา ทะเลสวยน้ำใส ที่ขึ้นชื่อเรื่องของการท่องเที่ยว เป้นสถานที่ในเขตของอุทยานที่สวยที่สุดเลย


 มาถึงสถานที่แล้วก้มีไกด์จากบจ.ทัวร์ไกด์ท้องถิ่น ผิวเข้ม แบบคนสเปนเลย อิอิ  ไกด์คนนี้มีดีที่มุกขำๆและหน้าตา ชื่อ " ชาติ"  พูดภาษาอิงลิชอย่างคล่องๆ   จนจีน่าอายไปเลย 555  

ระหว่างรอขึ้นเรือก็เช็คชื่อ เช็คจำนวนเผื่อมีใครตกหล่นไปไหน และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเรือ ..



เรือข้างๆของทัวร์
เมื่อเจอเรือหางยาวก็ อะเครคะ เรืองามทีเดียวได้อารมณ์ชิลๆ ตอนจะขึ้นเรือจีน่าขึ้นเป็นคนสุดท้ายเพราะว่า พวกกระเป๋าเดินทางไม่ได้เอาไปฝากไว้ที่บจ.ทัวร์ต้องแบกเอาไปขึ้นเรือด้วย ก็ขึ้นไปทีหลังเอากระเป๋าไปวางไว้ชั้น 2 ของเรือ

ส่วนจีน่ากับแฟนก็นั่งอยู่ตรงหัวเรือเลยเจ้าคะ ปีกเรือทางขวา เป็นสถานที่แดดส่องถึงหน้าเต็มที่และก็สนุกด้วย ได้เห็นอะไรชัดเจนกว่าใครอื่น

เรือสีขาว
เดินทางออกจากเกาะ










เรือออกเดินทาง !!
วิ่งไปทะเลแหวกกันเลย ..
เก็บบันไดขึ้นเรือ
ทางด้านซ้ายและขวาของเรือเจอประภาคารอะไรสักอย่างของ
กรมท่าเรือบ่งบอกว่ากำลังออกจากหาดนพรัตน์ธารา















คลื่นน้ำทะเล
น้ำใสมากกก..
ท้องฟ้าสีสดใส ประกายน้ำทะเล

แสงจากสวรรค์ส่องมารำไร

น้ำสีฟ้าเขียวใสๆ


บรรยากาศ
ทะเลแหวก มองลิบๆ
..ทะเลใส..





ถึงแล้ว ทะเลแหวก...เริ่มเข้าใกล้เกาะที่เป็นทางเชื่อมที่คนสามารถเดินได้
ตอนที่น้ำทะเลลงและขึ้น พอเริ่มใกล้ถึงเกาะน้ำทะเลจะเริ่มสีฟ้าใส แล้วออกเขียวใส 
บ่งบอกสภาพน้ำได้ดี มีเห็นตัวปลาการ์ตูนเล็กๆมาเล่นด้วย


 ปลาไม่ค่อยกลัวคนนะ มีแต่คนกลัวปลา 555
ทะเลแหวก คนเดินผ่านทะเล




บรรยากาศนำชมเที่ยวเล็กๆ ในช่วงจอดเรือเทียบเกาะเพื่อเล่นน้ำในเส้นทางที่
กล่าวว่า 
เป็นทะเลที่มหัศจรรรย์ที่สุด 
เท่มว้ากก
คนเล่นน้ำเยอะและสนุกเฮฮา

เหล่าคนขับเรือและลูกเรือ 

เกาะไก่ 
         
มองเห็นเป็นอะไรดี 555



อธิบายวิธีจับเม่นหนาม

ดำนำชมปะการังเล่นกับปลาการ์ตูน 

ปลาแถวนี้ไม่กลัวคนคะ ดำน้ำ ดำฝุด
ดำว่าย ทั้งที่ตนเองไม่เคยใส่สน๊อคเกิ้ล 
เล่นอยู่ 30 นาที เหนื่อยบรรลัยเลย..!! 
ใครว่าดำน้ำไม่เหนื่อยใช้พลังงานน้อยขอเถียงคะ!!


บรรยากกาศคนปีนเขา
นั่งกินข้าวที่เกาะแห่งหนึ่ง


 สถานที่เล่นน้ำที่สุดท้าย คือ อ่าวพระนาง ที่มีศาลเจ้าแม่พระนางตั้งอยู่

ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปกราบไหว้สักการะท่านเสียหน่อย แต่บังเอิญๆด้วยความที่ไกด์บอกว่า
มีทริปพิเศษแถมให้ฟรีๆ คือ การปีนขึ้นเขาไปดูวิวงามๆ
เลยต้องกะโดดไปร่วมวงอย่างช่วยไม่ได้ 555

ในใจก็คิดว่าเดวก็ลงมาแล้วค่อยไปไหว้ท่านก็ได้ สุดท้ายก็ลงมาไม่ทัน
 แถมสภาพโทรมสุดๆยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำอีก  
ยังไงก็หวังว่า จะได้โอกาสไปสักการะท่านในครั้งต่อไป ..
ลงจอดเรือเทียบอ่าวพระนางก็เดินขึ้นมาบนเกาะเลย บนเกาะนี้มีทริปปีนเขาของทัวร์อื่น
เยอะแยะเลย และเเต่ละทริปนี้น่ากลัวจริงๆ ต้องยอมรับว่า ต้องใช้คนอดทนและแข็งแรงมากๆ 
เพราะขนาดจีน่ายังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วคงไปปีนกับเค้าไม่ได้แน่ๆ 55
เดินผ่านต้นไม้ใบหญ้า ขึ้นไปยังดงเขาก่อนนะคะ

เดินผ่านดงหญ้ากำลังขึ้นเขา
เดินผ่านทริปทัวร์ปีนเขาของแท้

วิวบนยอดเขา
อีกมุมของอ่าว

ผลงานจากความพยายาม

ภาพนี้สวยมาก






เดินทางเที่ยวเสร็จก็เดินทางเข้าที่พักใหม่  กระบี่เฮอริเทจ โรงแรมติดชายหาดอ่าวนาง 
เดินไปไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงทะเล สภาพบรรยากาศมีฝรั่งเต็มไปหมด
 ร้านอาหารก็มีแต่แนวอิตาเลียน สวีดิช อาหารไทยมีน้อยมากๆ 

อยู่ในซอยไม่ถึง100ม.

กระบี่เฮอริเทจ
เตียงขนาดใหญ่นอนกลิ้งได้หลายคน
สภาพห้องตรงมุมประตู



มีห้องน้ำฝักบัวด้วย
มีอ่างอาบน้ำและอุปกรณ์ครบครัน 
มีชา กาแฟ ขนม พร้อม
วิวภูเขา





























เดินเข้าไปที่ฟร๊อนท์โรงแรม เจอพนักงานสาวงามและจนท.รักษาความปลอดภัยสุภาพมากๆและบริการดีมาก นำน้ำส้มมาให้ด้วยระหว่างเช็คอินเข้าห้องพักละ  เป็นบริการที่ประทับใจแต่แรกเจอ ที่เห็นสภาพจีน่ามาแบบลูกหมาตกน้ำอย่างเหนื่อยๆมั้ง 555

เข้าที่พักก็อาบน้ำ ทำความสะอาดตัว ล้างเสื้อผ้าที่มีทรายเต็มตัวจากนั้นก็แต่งตัวหล่อๆสวยๆ ไปเที่ยวถนนคนเดินในตัวเมืองกันด้วยรถสองแถวสีแดง เข้าเมืองคนละ 60บาท/คน ไปซื้อเค้กเจ้าอร่อยชื่อดัง ขายอยู่ข้างๆห้างโว้ค  ติดกับร้านทำโรตีชื่อดัง

(ความจริงแล้วแม่อยากกินเค้กส้ม เค้กผลไม้ของร้านเค้ก เลยไปซื้อมาแบบ   3 กล่อง 100 , 4 กล่องเล็ก100บาท  ซื้อเอาไปฝากเยอะมากๆหมดไป 600 บาทแหนะ T-T  จากนั้นก็หอบหิ้วตนเองไปกิน KFC ชั่วคราว(รองท้องๆ)  แล้วก็หอบหิ้วขนมเพื่อเดินเข้าไปยังถนนคนเดินก็ได้ของติดไม้ติดมือมาฝาก (ตนเอง)   ได้เสื้อคู่ 2 ตัว แต่คนขายดันหยิบมาผิดไซส์ ใส่ไม่ด้ายยย..

และเห็นกระเป๋าทำมือสวยๆ 600 บาทเองง และของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆ  (ลงทุนเสียเงินไป 1000 บาท) สรุปหมดเงินไป 1600บาท เพื่อซื้อของไม่กี่ชิ้นToT//    ก็นั่งรถ2แถวกลับไปยังอ่าวนางต่อไป

มื้อเย็นๆ  เดินเอาของกิน ขนมของฝากเข้าไปเก็บที่ห้อง แล้วเดินออกมาหาอะไรกิน เดินไปยังหาดอ่าวนางดูร้านอาหารตามทางแล้วมีแต่อาหารอิตาเลียน อาหารสวีดิช อาหารอินเดียเยอะมากๆ เลยเลือกไม่ได้ เพราะร้านอาหารแถวนี้ขายแต่ฝรั่ง ตามรสนิยมฝรั่งด้วยสิ  คิดว่าคงไม่ถูกปากคนไทยเท่าไร แต่ก็ลองเลือกเข้าไป 1 ร้าน ไม่ค่อยมีคนนัก มีแต่คนเชียร์ให้เข้าร้านก็เข้าไปเมียงๆมองๆ






หมดค่าเสียหายไปหมดนี่ 1000 บาทพอดี และอาหารไม่อร่อย 

รสชาติเค็มๆ หรือคนฝรั่งชอบกินของเค็มกันนะกินข้าวเสร็จเดินดูร้านค้าต่างๆมีของขายที่ระลึกมากมาย และมีพวกซองกันน้ำลึก 10 ม. ด้วยละ

เดินไปเดินมาตอนขากลับที่พักก็แวะเข้าร้านนวดตัวข้างๆที่พัก เพราะแฟนบอกว่า ปวดแสบปวดร้อนตัวอันเนื่องมาจากการดื้อไม่ยอมทาครีมกันแดด 555 ผิวเลยไหม้ไฟไปทั้งตัวเบยย  ร้านที่มาใช้บริการอยู่ข้างๆซอยที่พัก ใช้บริการนวดอโรเวล่า สำหรับคนผิวไหม้ 2 คนตอนแรกจีน่าอยากจะนวดแบบปกติเพราะถูกกว่า ชม.200บาทเอง  แต่เห็นราคานวดแบบอโลเวล่าแล้วตั้งคนละ 350 บาท/คน สู้ราคาไม่ไหว ทางร้านจึงลดราคาให้สำหรับคนไทย(มั้ง)  จึงได้ใช้บริการนวดแบบอโลเวล่าเหมือนแฟนไปด้วย ได้ส่วนลดเหลือ 600 บาท (สู้ไหวๆ)   
ร้านนี้นวดดีมากๆ เค้าอธิบายว่า เค้าฝึกมาเพื่อนวดแบบผ่อนคลายจะต่างกับนวดปกติแบบกทม.คือนวดแบบทำให้หลับได้สบายๆเลยละ นวดแล้วไม่เจ็บตัวมาก นวดชนิดร่างกายเบาหวิวๆก็อยากแนะนำให้มาที่ร้านนี้สักครั้ง จะเห็นว่าเค้าเรียกคนเข้าร้านด้านหน้าร้านติดถนนเลยละนวดเสร็จก็จะเที่ยงคืนกว่าแล้วก็เลย กลับเข้าที่พัก เห็นเตียงปุ๊บ หลับเบย!!ไม่สนใจแฟนแล้วละ แฟนกะลังอยู่ในโหมดอยากสวีท แต่เราเหนื่อย เลยหักดิบแฟน นอนทันที 555


เช้าวันที่ 3 เดินทางกลับ

ตื่นเช้ามาตอน 9 โมง ตื่นมาก็มาอาบน้ำ แต่งตัวลงไปกินอาหารเช้ากันคะ คิดคนละ 200 บาท
เป็นบุปเฟต์แบบเหมาๆ กินราคาคนไทยนะคะ ราคาฝรั่งอีกราคานุง อิอิ
ตักอาหารมาเต็มที่เลย หลังจากนอนหลับเอาแรงไปเยอะเมื่อวาน 555 อาหารเช้าก็มีแบบอาหารฝรั่ง อาหารไทย อาหารเช้าธรรมดาๆคะ มีขนมปัง ไข่ดาว ปังปิ้ง ข้าวต้ม ข้าวห่อไข่ น้ำส้ม ซีเรียล ตักมาคนละนิดคนละหน่อย ก็กินไปจนหมดเวลาทานบุฟเฟต์

กินเสร็จตอน 10 โมงขึ้นไปจัดกระเป๋าเตรียมเช็คเอาท์ออกตอน 12.00น. ตอนกลับนี่ละลำบากเพราะต้องมีของเพิ่มจากของฝาก ก็ค้นๆเอาถุงที่เอามาด้วยมาใส่ของฝากกลับบ้าน  แต่ก็ไม่พอ สุดท้ายต้องลงทุนไปซื้อกระเป๋ากันน้ำ แบบลงใต้น้ำได้ สีน้ำเงินราคา 800 บาท แถวๆร้านขายของมาใส่ของฝากกลับบ้าน 555  
พร้อมกับจองตั๋วขึ้นรถบัสเดินทางไป รถทัวร์บขส. ตรงหน้าที่พักแถวๆนั้นมีขายเยอะมาก จองเที่ยว 14.00 น.  ระหว่างรอเวลาก็ไปเดินกินไอศรีมตรงหน้าหาดอ่าวนางมีอยู่ร้านหนึ่งติดกับ ไอศครีมของฮาเก้นดาซ  รสชาติอร่อยมากๆๆ..

ขึ้นรถทัวร์บขส.กลับบ้านตอน 6 โมงเย็นเนื่องจากรถจะเข้าเทียบท่า ตอน 6 โมงเย็น ก็ว่างสิคะ ไม่มีอะไรทำก็เลย นั่งรถ 2 แถวคนละ 20 บาทเป็นรถ 2 แถวเข้าในเมืองไปนั่งกินสเว่นเซ่นส์กันต่อ นั่งตากแอร์ นั่งคุย นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ขึ้นรถทัวร์ที่จองเอาไว้ แต่ตอนนั่งรถทัวร์กลับกทม. ไม่ค่อยสบายเอาเลย เพราะข้างหน้าเป็นฝรั่งขายาวปรับเบาะลงมาซะติดเข่า ทำให้ขยับตัวลำบากมากๆ หวิดจะมีเรื่องกันหลายทีแล้วละ โคตรเห็นแก่ตัวอะ นั่งปรับเบาะจนติดเนี่ยะ !!

ถึง กรุงเทพ ตอน 05.00 น. หาแท็กซี่กลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานเช้า 8.00โมง  โคตรมาราธอนเลยละ  แต่ก็รู้สึกดี ไม่เหนื่อยคงเพราะอิ่มอกอิ่มใจมั้ง เป็นทริปท่องเที่ยวที่สนุก และเหนื่อยนิดๆ แต่รู้สึกคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ทริปนี้หมดเงินไปเกือบ 1.2หมื่นได้มั้ง 


ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้การท่องเที่ยว
ครั้งนี้กับแฟนมีความสุขที่สุด


ขออวดภาพทะเลกระบี่ สวย โฮกๆ