Suggestion Post

Review ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 6 อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ภาค 6 อวสานหงสา        ตอนสุดท้ายของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ไทย บทสุดท้ายที่เล่าเรื่องของจุดจบของพ...

2554-10-29

ประมวลภาพส.ส.ในรบ.ยิ่งลักษณ์ทำงามหน้าในช่วงน้ำท่วมไทย


ประมวลภาพเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจ

ในช่วงน้ำท่วมของรบ.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ภาพที่  ๑
หน่วยอาสาช่วยภัยน้ำท่วมพื้นที่เข้าถึงยากจากสำนักนายกรมต.
แต่ว่าตรงประตูรถกลับมีเขียนว่า  ใช้งานในไพร่เท่านั้น

หมายความว่าอย่างไร ?





ภาพที่  ๒
ภาพการแพคยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมโดยก.สาธารณสุข
แต่ก็มีการติดชื่อของส.ส.ท่านหนึ่งตามนี้ 
เกิดความสงสัยว่า ยานี้เป็นเงินของท่านส.ส.นี้เองหรือ เป็นเงินภาษีปชช.?






ภาพที่ ๓
ภาพนี้เด็ดดวงสุดๆ เป็นภาพที่รถบรรทุกสิ่งของช่วยน้ำท่วมที่มาจากศปภ.
แต่มีการติดป้ายของส.ส.ท่านหนึ่งโดยพรรคพท. อยากถามว่า
ของในรถบรรทุกนั้นเป็นสิ่งของที่ส.ส.ท่านนี้ซื้อมาเองหรือมาด้วยเงินบริจาคของปชช.ให้กับศปภ.คะ





ภาพที่  ๔

ภาพนี้แน่นอนว่าเป้นภาพที่มีการแพคยาของกรุงเทพมหานครอยู่ด้วย
 นั้นหมายความว่า เป้นเงินที่มาจากภาษีปชช.
 แต่ไฉนกลับมีชื่อของส.ส.พรรคเพื่อไทยจอมฉาวโฉ่ด้วย






ภาพที่  ๕ 
ภาพนี้ร้ายแรงๆ คะ เป็นรถบรรทุกถุงยังชีพไปให้ผู้ประสบภัย 
แต่กลับมีชื่อส.ส.ติดอยู่ด้วย โดยเขียนว่า สนับสนุนโดย ส.ส.ชนะ 

เห...อยากถามว่า ส.ส.ท่านได้ออกเงินส่วนตัวเพื่อบริจาคช่วยคนน้ำท่วมจริงหรือ
มีใบเสร็จสินค้า และการซื้อของบริจาครับรองหรือไม่คะ
แต่เอ๊ะ รถคันนี้คุ้นๆ เหมือนจะเป้นรถที่ออกมาจากศปภ.
คันเดียวกับภาพที่ ๓ เลยนะคะ หรือว่าเราจะคิดไปเองน้า





ภาพที่ ๖ 

คำสั่งห้ามขนย้ายน้ำดื่มที่ได้รับการบริจาคมาจากปชช.ที่ศปภ. 
โดยผู้สั่งห้ามขนย้าย เสมือนตีตราจองน้ำดื่มขวดนี้ คือ ส.ส.จตุพร ที่ขึ้นชื่อฉาวโฉ่ๆ
หรือว่าจะเป็นน้ำดื่มที่เค้าบริจาคเองด้วยเงินส่วนตัวนะแล้วมีใบเสร็จไหมน้าา






ภาพที่ ๗ 

ภาพนี้หน้าด้านๆ คะ ญี่ปุ่นส่งความช่วยเหลือมาให้เพื่อช่วยผู้ประสบภัย
แต่ส.ส.ท่านนี้กลับเขียนชื่อติดไว้เฉยเลย ว่า ตนเองเป็นเจ้าของ
เอ๊ะ หรือว่าจะกักเอาไว้ ไม่ได้จะนำไปแจกช่วย จะเอาไปใช้เองปล่าวน้า






ภาพที่ ๘

ภาพนี้ ดูที่วงกลมแดงคะ รถบรรทุกวิ่งมาจากทางสนามบินดอนเมือง
มาถึงแยกหลักสี่แล้วกำลังเลี้ยวขวาคะ พอเลี้ยวขวามาถึง 

อกอีแป้นจะแตกคะ มีชื่อส.ส.จอมฉาวโฉ่ติดอยู่ด้วยคะ
อยากจะถามเหลือเกินว่าจะติดทำไมหรือคะ ของในรถบรรทุกนั้น
เป้นของบริจาคจากปชช. นี่คะ






ภาพที่  ๙
ภาพนี้ไม่ต้องบรรยายให้มากนัก ก็เปนการเอาพระราชดำริของในหลวงมาเป้นของตนคะ







ภาพที่  ๑๐

ภาพนี้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนเสื้อแดงในศปภ. 
เนื่องจากมีการออกข่าวบอกว่า ศปภ. บริหารและจัดการ
สิ่งของบริจาคของปชช.โดยคนเสื้อแดงคะ 

ภาพซ้ายบนเป้นภาพป้ายที่ติดอยู่กับรถบรรทุกในคาร์โก้ของสนามบินดอนเมือง
ภาพขวาบน เป็นภาพการจับจองน้ำบริจาคจากปชช.โดยส.ส.
ภาพตรงกลางแสดงว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงทำหน้าที่บริหาร ควบคุมแจกจ่ายสิ่งของบริจาค
ภาพซ้ายล่าง รถบรรทุกในคาร์โก้ ติดธงแดง
ภาพขวาล่างชัดเจน ผู้สนับสนุนนายกปู







ภาพที่ ๑๑

ภาพนี้คือภาพกองสิ่งของบริจาคที่ยังไม่ได้แจกจ่ายในสนามบินดอนเมือง
แต่FBศปภ.ได้ออกมาบอกว่า สิ่งของนั้นมีแต่ขยะที่รอทิ้ง

เห...งั้นสิ่งของกองเท่าภูเขานี่ก็คือของที่จะเอาไปทิ้งหรือเนี่ยะ






ภาพที่ ๑๒

ภาพการลงพื้นที่ของนายกปูที่ด้านหลังมีโรงครัวที่จัดตั้ง
โดยมีป้ายว่าได้รับการสนับสนุนจาก นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอนั้นเอง








ภาพที่ ๑๓ 

ภาพนี้เป็นภาพรถบรรทุกที่ออกมาจากสนามบินดอนเมือง
ที่ทำการบรรทุกสิ่งของบริจาคจากปชช.







 ภาพที่  ๑๔ 

วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศปภ.ที่มีต่อผู้ประสบภัยคะ







ภาพที่  ๑๕

เรือในสนามบินดอนเมืองที่ได้รับการบริจาคมาคะ
แต่กับมีการจับฝุ่นจนหนาเตอไม่เอาออกไปช่วยผู้ประสบภัยเลยคะ






ภาพที่ ๑๖ 
ภาพนี้เห็นแล้วอึ้งคะ ทำการเขียนว่า ใช้ในราษฏรคนเสื้อแดงเท่านั้น
กล่าวคือถ้าไม่ใช่ คนเสื้อแดง เรือลำนี้ก็จะไม่วันจอดรับขึ้นคะ 
เห็นเเล้วอึ้งจับใจคะ ยังมีการแบ่งแยกกันได้อีก เฮ้ออ














สุดท้ายนี้ เราจะเกิดอะไรขึ้นเป็นปีต่อไป 

มาทำนายกันเถอะคะ







-----------------------------------------------------------------------------------------
ที่มาของภาพ  FACEBOOK  and   TWITTER

 ทำเมื่อวันที่  29/10/2554เวลา 17:10น.

2554-09-05

ขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ


   การขอพระราชทานอภ้ยโทษ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
       เราต้องมาทำความเข้าใจกรณีของการขอพระราชทานอภัยโทษที่เป็นหลักการและหลักปฏิบัติทั่วไป ก่อนที่จะไปพิจารณาการขอพระราชทานอภัยโทษของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

                ๑.การขอพระราชทานอภัยโทษหมายถึงการขอรับพระราชทานอภัยโทษในความผิดที่ศาลมีคำพิพากษาตัดสินแล้ว มิใช่หมายความรวมถึงการกระทำความผิดอื่นๆ ที่ยังมิได้มีการฟ้องร้องหรือที่ศาลยังมิได้ตัดสินคดี ซึ่งในกรณีปกติ จำเลยจะต้องมาฟังคำพิพากษาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกควบคุมตัวมาในกรณีที่ถูกคุมขังหรือมาศาลเองในกรณีที่มีการประกันตัว ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกจำเลยผู้นั้นจะถูกควบคุมตัวไปจำคุกในความผิดนั้นทันที และเมื่อถูกจำคุกในความผิดนั้นอยู่จำเลยหรือนักโทษนั้นก็อาจทำเรื่องทูลเกล้าฯ ขอรับพระราชทานอภัยโทษได้
แปลว่าขั้นที่หนึ่งต้องถูกพิพากษาให้ติดคุกและต้องติดคุกก่อนแล้วจึงทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่หนีไปแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ

            ๒.ขั้นต่อมา เมื่อถูกคุมขังแล้ว ผู้ต้องขังนั้นมีความประสงค์จะขอพระราชทานอภัยโทษก็ให้ทำได้   เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา ๒๕๙ กำหนดไว้ว่าให้ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว (แปลว่าคดีสิ้นสุดไม่มีอุทธรณ์หรือฎีกาอีกแล้ว) ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ จะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้

คำถามคือ ใครที่จะเป็นผู้ทำเรื่องทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษได้ และ ทำอย่างไร
คำถามแรก            ใครเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ขอพระราชทานอภัยโทษได้บ้าง
คำตอบ         ผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและผู้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
คำถาม                   ใครคือผู้มีผู้ประโยชน์เกี่ยวข้อง
คำตอบ                  หลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ คือ คู่สมรสหรือญาติชั้นใกล้ชิด ได้แก่ สามี ภรรยา บุตร บิดา มารดา หากเป็นญาติลำดับชั้นถัดไปก็อาจพิจารณาตามข้อเท็จจริงแต่จะจำกัดไว้ที่พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือญาติสนิทชั้นใกล้ชิดจริงๆ เท่านั้น
คำถาม                   ดำเนินการอย่างไร
คำตอบ                   ผ่านการทูลเกล้าฯเสนอของรัฐมนตรียุติธรรม และอื่นๆ

มาตรา ๒๖๑ วรรคหนึ่งของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุไว้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์พร้อมทั้งถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

             ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่กรมราชทัณฑ์ก็จะทำความเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถึงพฤติกรรมและความประพฤติของนักโทษผู้นั้นรวมถึงระยะเวลาการที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาว่าผู้นั้นสมควรที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ แต่หากจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ก็เท่ากับไม่มีตัวตนของจำเลยหรือนักโทษผู้นั้นให้เจ้าหน้าที่สามารถรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้พิจารณาพฤติกรรมและความประพฤติรวมถึงระยะเวลาที่ผู้นั้นได้รับโทษตามคำพิพากษาว่ามีเหตุผลสมควรที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษแล้วหรือไม่

ข้อควรทราบคือ แม้ในอดีตที่ผ่านมาจะเคยมีจำเลยที่หลบหนีการจำคุกหลายรายได้ยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษ แต่กรมราชทัณฑ์ไม่เคยทำความเห็นเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ถวายความเห็นควรให้พระราชทานอภัยโทษจำเลยเหล่านั้นเลย  และไม่เคยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านใดที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้ของกรมราชทัณฑ์

นอกจากนี้ ยังปรากฎข้อเท็จจริงอีกว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีท่านใด รวมทั้งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี อีกเช่นกันที่เห็นว่าควรจะถวายความเห็นให้ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้หลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษา  เรื่องนี้มีเอกสารหลักฐานชัดเจนทุกยุคทุกสมัย

                  สำหรับกรณีผู้ที่จะทำเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษนั้น กฎหมายกำหนดไว้ ๒ กรณี คือ ๑. ผู้ทีต้องคำพิพากษานั้นเอง และ ๒. ผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง สำหรับกรณีผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องนั้น กรมราชทัณฑ์ถือปฏิบัติตลอดมาว่าจะต้องเป็นคู่สมรสหรือญาติชั้นใกล้ชิด ได้แก่ สามี ภรรยา บุตร บิดา มารดา หากเป็นญาติลำดับชั้นถัดไปก็อาจพิจารณาตามข้อเท็จจริงแต่จะจำกัดไว้ที่พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือญาติสนิทชั้นใกล้ชิดจริงๆ เท่านั้น  การจะทำเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษโดยผู้อื่นจริงๆ แล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้ผู้คนจำนวนมากเพียงเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องตามที่กล่าวมาแล้วนั้นเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้กรมราชทัณฑ์สามารถดำเนินการทำเรื่องราวเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตามกฎหมายได้แล้ว
                               
                                กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร                
                ในกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ มีผู้จัดทำเป็นขบวนการใหญ่โต มีผู้ร่วมลงนามในหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายขอรับพระราชทานอภัยโทษถึงกว่าสามล้านคน จึงเป็นจุคเริ่มต้นของความล่าช้าในการดำเนินการ เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดว่าบุคคลดังกล่าวมีตัวตนจริงหรือไม่และมีบุคคลใดบ้างหรือที่เข้าลักษณะเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ที่จะสามารถยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ตามกฎหมาย   กรมราชทัณฑ์ไม่เคยประสบกรณ์เช่นนี้จึงต้องเกณฑ์เจ้าหน้าที่และจัดจ้างลูกจ้างรวมทั้งจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมอย่างมากมายเพื่อมาดำเนินการ ซึ่งนอกจากจะหมดเงินงบประมาณไปจำนวนมากแล้ว ยังทำให้ต้องใช้เวลาดำเนินการเป็นปี  ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าหากผู้ดำเนินการต้องการเพียงให้มีการดำเนินการทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างจริงจังและรวดเร็วแล้ว เหตุใดจึงไม่ดำเนินการเพียงให้ภรรยา หรือบุตร หรือ ญาติชั้นใกล้ชิด เช่น พี่น้องของ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นผู้ลงนามในหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะเพียงบุคคลดังกล่าวตนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวก็ดำเนินการได้และจะไม่มีปัญหาใดๆ ที่ต้องพิจารณาว่าผู้ที่ร่วมลงนามมีตัวตนจริงและเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ด้วย  ซึ่งในกรณีนี้เช่นนี้ กรมราชทัณฑ์สามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ได้ไม่น่าจะเกินหกเดือน 

                  เป็นที่น่าประหลาดใจว่าหลังจากที่กรมราชทัณฑ์ต้องใช้เวลาเป็นปีเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อและความสัมพันธ์ของบุคคลที่ลงนามในหนังสือทูลเกล้าฯ แล้ว นอกจากพบว่าผู้ลงชื่อมีตัวตนถูกต้องเพียงประมาณสองล้านชื่อ (ไม่ปรากฏบุคคลตามรายชื่อประมาณกว่าหนึ่งล้านชื่อ)

กลับปรากฎว่าไม่มีรายชื่อของภรรยาและบุตรของ พ.ต.ท. ทักษิณ ร่วมลงนามขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เลย

 แต่ปรากฎรายชื่อบุคคลสามคนที่ใช้นามสกุลเดียวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ คือ “ชินวัตร” แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสามคนนั้นมีเพียงชื่อแต่มิได้ลงนามมาด้วย หนึ่งในนั้น คือ นายพายัพ ชินวัตร ซึ่งหากนายพายัพ ลงนามมาเรื่องก็จบสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะนายพายัพเป็นน้องชายของ พ.ต.ท. ทักษิณ พอจะถือได้ว่านายพายัพเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย  กรมราชทัณฑ์จึงทำหนังสือสอบถามไปยังบุคคลทั้งสามว่าการที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อมานั้น บุคคลทั้งสามทราบเรื่องและมีเจตนาที่จะทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ หากมีความประสงค์จริงก็จะได้จัดให้มาลงนามให้ถูกต้องต่อไป ผลปรากฎว่ามีผู้ตอบกลับกรมราชทัณฑ์เพียงรายเดียวว่าประสงค์จะทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ แต่ในขณะนั้นไม่ปรากฎความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่าเข้าลักษณะเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายหรือไม่ ส่วนนายพายัพ ชินวัตร และอีกบุคคลหนึ่งไม่ตอบกลับมายังกรมราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์จึงรายงานเรื่องดังกล่าวมายังผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ผมจึงสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ติดต่อสอบถามไปยังนายพายัพ และอีกบุคคลหนึ่งอีกคร้ง เพราะเห็นว่าหากนายพายัพตอบกลับมาและมาลงนามให้ถูกต้องเรื่องก็จะได้เข้าสู่กระบวนอื่นต่อไปเสียที แต่จนที่ผมพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกรมราชทัณฑ์ก็ยังมิได้รายงานผลการดำเนินการตามที่สั่งการดังกล่าวมาแต่อย่างใด

                  ดังนั้น เมื่อปรากฎข่าวว่ากรมราชทัณฑ์ได้ส่งเรื่องการทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท. ทักษิณ ไปยัง พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมปัจจุบันแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าบุคคลที่ใช้นามสกุล “ชินวัตร” ทั้งสามรายรวมทั้งนายพายัพ ชินวัตร ได้มาลงชื่อในหนังสือชอทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ถูกต้องแล้วหรือไม่ และทั้งสามคนมีความสัมพันธ์เข้าลักษณะของการเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายแล้วหรือไม่อย่างไร และกรมราชทัณฑ์ได้เสนอความเห็นต่อ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่าไม่สมควรถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ว่าควรพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะเป็นผู้หลบหนีการคุมขังเช่นที่กรมราชทัณฑ์เคยถือปฏิบัติในกรณีอื่นๆ และตามที่เคยรายงานผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาก่อนหรือไม่

                        หากกรมราชทัณฑ์ดำเนินการเช่นที่ผ่านมา  พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่ามีความเห็นเช่นเดียวกับกรมราชทัณฑ์เช่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทุกท่านในอดีตถือปฏิบัติมาหรือไม่  สำหรับนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าตนจะถวายความเห็นตามขั้นตอนต่อพระมหากษัตริย์ว่าไม่ควรพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ  เพราะเป็นผู้หลบหนีการคุมขังและไม่เคยได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลมาก่อนเลยหรือไม่

                        ส่วนเหตุใดภรรยาและบุตรของ พ.ต.ท. ทักษิณ จึงไม่ร่วมลงนามในหนังสือทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท. ทักษิณ ด้วยนั้น ก็เป็นเรื่องที่ภรรยาและบุตรของ พ.ต.ท. ทักษิณ จะต้องอธิบายเหตุผลเอง

                  สำหรับการดำเนินการของบุคคลใดในกรณีนี้จะเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานเป็นการช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๔ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ หรือไม่เพียงใด ก็เป็นเรื่องที่คงต้องว่ากันอีกยาว

                เพราะมีอายุความของคดีนี้ยาวนาน ๑๐ - ๑๕ ปี


-----------------------------------------------

2554-07-21

ร่วมลงชื่อถอดถอน กรรมการการเลือกตั้ง ทั้งคณะ


ร่วมลงชื่อเพื่อทำการถอดถอน กกต.ทั้งคณะ





คำแนะนำ

๑. กรอกชื่อ นามสกุล  เเละที่อยู่ตามบัตรประชาชนเท่านั้น
๒. หมายเลขบัตรประชาชน อย่าได้ผิดพลาด
๓.ลงลายเซ็นชื่อด้วย ทั้งแบบฟอร์ม ถ.๔ เเละสำเนาบัตรประชาชน 
๔.เขียนด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด ให้อ่านออก แม้จะต้องคัดลายมือก้ต้องทำ 
หากอ่านไม่ออก รายชื่อนั้นถือว่าหมดสิทธิในการร่วมถอดถอน




โปรดทำการ
 ดาวน์โหลดไฟล์แบบฟอร์ม ถ.๔
ตามลิงค์สีเหลืองข้างล่างนี้



ขั้นตอนการโหลด


----------------------------------------------------------------------------------
หากมีข้อสงสัยประการใดให้สอบถามได้เพิ่มเติม

และโปรดกรุณาช่วยทำการนำบทความนี้ส่งต่อให้เพื่อนๆด้วยคะ 

เริ่มทำการรวบรวมตั้งเเต่ ๒๑ ก.ค. ๒๕๕๔ นี้ 
ไปจนถึง
 วันหมดเขต การรับในอีก ๑ เดือนข้างหน้านี้

และต้องได้มากกว่าจำนวน 2 หมื่น 
เพื่อทำการถอดถอนได้ตามสิทธิ

 หากไม่ครบตามจำนวนนี้
 การรวบรวมรายชื่อทุกอย่างจะเป็นการสูญเปล่า 

ดังนั้น ขอให้ทุกท่านโปรดรอบคอบ
 เเละเช็ครายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องก่อนส่งมานะคะ 



2554-07-19

Press Release เเถลงการณ์ในการออกมาตรการชั่วคราวในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร

INTERNATIONAL COURT OF JUSTICE 
Peace Palace, Carnegieplein 2, 2517 KJ  The Hague, Netherlands 
Tel.:  +31 (0)70 302 2323   Fax:  +31 (0)70 364 9928 
Website:  www.icj-cij.org
Press Release 
Unofficial 
 No. 2011/22 
18 July 2011 

Request for interpretation of the Judgment of 15 June 1962 in the Case concerning the 
Temple of Preah Vihear (Cambodia v. Thailand) 
(Cambodia v. Thailand)

Request for the indication of provisional measures

The Court finds that both Parties must immediately withdraw their military personnel 
currently present in the provisional demilitarized zone defined by it, 
and refrain from any military presence within that zone and 
from any armed activity directed at that zone

 THE HAGUE, 18 July 2011.  The International Court of Justice (ICJ), the principal judicial
organ of the United Nations, today gave its decision on the request for the indication of provisional
measures submitted by Cambodia in the case concerning the  Request for the interpretation of
the Judgment of 15 June 1962 in the Case concerning the Temple of Preah Vihear (Cambodia v.
Thailand) (Cambodia v. Thailand).

 In its Order, the Court first unanimously rejected Thailand’s request for the case introduced
by Cambodia to be removed from the General List.
 It then indicated various provisional measures.  The Court began by stating, by eleven votes 
to five, that both Parties should immediately withdraw their military personnel currently present in 
the provisional demilitarized zone, as defined in paragraph 62 of its Order  (see the illustrative 
sketch-map appended to the Order and to this press release), and refrain from any military presence within that zone and from any armed activity directed at it. 

Having noted that the Temple area had been the scene of armed clashes between the Parties
and that such clashes might reoccur, the Court decided that, in order to ensure that no irreparable
damage was caused, there was an urgent need for the presence of all armed forces to be temporarily 
excluded from a provisional demilitarized zone around the area of the Temple. 

 The Court also stated, by fifteen votes to one, that Thailand should not obstruct Cambodia’s 
free access to the Temple of Preah Vihear, or  prevent it from providing fresh supplies to its 
non-military personnel;  it said that Cambodia and Thailand should continue their co-operation 
within ASEAN and, in particular, allow the observers appointed by that organization to have access 
to the provisional demilitarized zone, and that  both Parties should refrain from any action which 
might aggravate or extend the dispute before the Court or make it more difficult to resolve. - 2 - 
 Lastly,

the Court decided, by fifteen votes to one, that each of the Parties should inform it as 
to its compliance with the above provisional measures and that, until the Court had rendered its 
judgment on the request for interpretation, it would remain seised of the matters which form the 
subject of the Order. 

Jurisdiction and legal conditions required for the indication of provisional measures

 The Court concluded (paragraphs 19 to 32 of the Order) that a dispute appeared to exist 
between the Parties as to the meaning or scope of its 1962 Judgment and that it therefore appeared 
that the Court could, pursuant to Article 60 of the Statute, entertain the request for interpretation 
submitted by Cambodia.  Accordingly, it declared that it could not accede to the request by
Thailand that the case be removed from the General List (see above) and added that there was
sufficient basis for the Court to be able to indicate the provisional measures requested by
Cambodia, if the necessary conditions were fulfilled.  The Court then examined those conditions 
one by one (paras. 35 to 56), and concluded that they had been satisfied.  Firstly, it considered that 
the rights claimed by Cambodia, as derived  from the 1962 Judgment, in the light of its 
interpretation thereof, were plausible.   Secondly, the Court considered that the provisional
measures requested sought to protect the rights invoked by Cambodia in its request for
interpretation and that the requisite link between the alleged rights and the measures sought was
therefore established.  Thirdly, it considered that there was a real and imminent risk of irreparable 
damage being caused to the rights claimed by  Cambodia before the Court had given its final 
decision, and that there was urgency. 

 Finally, the Court recalled that orders indicating provisional measures had binding effect and 
thus created international legal obligations with  which both Parties were required to comply.  It
also observed that the decision given in the present proceedings on the request for the indication of
provisional measures in no way prejudged any question that the Court might have to deal with 
relating to the Request for interpretation. 
___________
Note:  The Court’s press releases do not constitute official documents. This press release is a
concise summary of the decision taken by the Court, for information purposes only.  A more
comprehensive and detailed summary of this decision can be found in the “Cases” section of the
Court’s website.  The history of the proceedings is presented in paragraphs 1 to 18 of the Order, the
full text of which can be found in the same section of the website.
___________
 The International Court of Justice (ICJ) is the principal judicial organ of the United Nations.
It was established by the United Nations Charter in June 1945 and began its activities in
April 1946.  The seat of the Court is at the Peace Palace in The Hague (Netherlands).  Of the six
principal organs of the United Nations, it is the only one not located in New York.  The Court has a
twofold role:  first, to settle, in accordance with international law, legal disputes submitted to it by
States (its judgments have binding force and are without appeal for the Parties concerned);  and,
second, to give advisory opinions on legal questions referred to it by duly authorized United
Nations organs and agencies of the system.  The Court is composed of 15 judges elected for a
nine-year term by the General Assembly and the  Security Council of the United Nations.  It is
assisted by a Registry. The official languages of the Court are French and English.
___________ - 3 -
Information Department:
Mr. Andrey Poskakoukhin, First Secretary of the Court, Head of Department (+31 (0)70 302 2336)
Mr. Boris Heim, Information Officer (+31 (0)70 302 2337)
Ms Joanne Moore, Associate Information Officer (+31 (0)70 302 2394)
Ms Genoveva Madurga, Administrative Assistant (+31 (0)70 302 2396)

ที่มา  ต้นฉบับ

2554-07-11

คนไทยที่น่าเวทนา ”เสื้อแดง” เหยื่อของการปกครองโลกระบบใหม่

คนไทยที่น่าเวทนา ”เสื้อแดง” เหยื่อของการปกครองโลกระบบใหม่

April 16, 2011
By Power Point Paradise -- 427 total views

ผมรักเมืองไทย ผมเคยอยู่เมืองไทย ๑๔ ปี ทำงานอาสาสมัคร ผมทราบปัญหาเมืองไทยดี ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงจากที่เมืองไทยเคยเป็นสังคมเรียบง่ายที่อ่อนโยนและกลายมาเป็นสิ่งที่เราเห็นกันทุกวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นสิ่งที่น่าเศร้ามาก คนไทยเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันสังคมนี้ได้ถูกแบ่งแยกอย่างน่าเศร้าใจ ทำไมล่ะ?เพราะการโกหกมโหฬารนั่นเอง!

อย่างแครอทสีแดงที่รู้ๆกันในนามของ “ประชาธิปไตย” ซึ่งถูกถือไว้โดยคนหัวกะทิระดับโลก ผู้ซึ่งคุมสื่อต่างๆ โฆษณาปาวๆว่า “เป็นระบบสมบูรณ์แบบที่จะนำมาซึ่งเสรีภาพและความเสมอภาพ และอื่นๆอีกมากมาย” มันเป็นการโกหกทั้งเพ!
ก็ดูอเมริกาเป็นตัวอย่างสิ ประเทศผู้ซึ่งสนับสนุนลัทธิโกหกนี้ เครื่องนับเสียงเลือกตั้งก็ถูกกำหนดตั้งไว้ และรัฐบาลเองตอนนี้ล้วนถูกซื้อตัวโดยพวกหัวกะทิที่ทรงพลังทางการเงิน ขับไสผู้คนทั่วๆไปของเขากลับไปสู่ “พรรคน้ำชา” เพราะพวกเขาต้องการ ”เอาประเทศเขากลับคืน” พวกเขาเสียไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?

เขาเสียไปเมื่ออเมริกาเริ่มทำตัวเยี่ยง “ประชาธิปไตยจ๋า” แทนที่จะเป็นผู้รักษากฏหมาย ที่ควรจะปฎิบัติตามกฏรัฐธรรมนูญโดยยึดคุณค่าที่แท้จริงของอิสระเสรีภาพและโอกาสอย่างทั่วหน้า วุฒิสมาชิกและรัฐสภาส่วนใหญ่ถูกซื้อตัว,ถูกติดสินบน หรือถูกเบล็กเมลล์ อีกนัยหนึ่ง “ประชาธิปไตย” ที่มีพวกนายธนาคารเป็นเจ้าของและนำพาโดยสื่อของพวกเขา ลาก่อน “ประชาธิปไตย” อเมริกา ขอต้อนรับ”สื่อบ้าๆ”  รัฐบาลอเมริกันตอนนี้เป็นเครื่องมือให้กับ “รัฐบาลโลกระบบใหม่” พวกกลุ่มนายธนาคารโลกเผด็จการหัวซ้ายนั่นเอง their media!


นี่หรือสิ่งที่คนไทยทั่วๆไปและปัญญาชนจากมหาวิทยาลัยสังคมนิยมในเมืองไทยกำลังต่อสู้เพื่อให้ได้มา? ถ้าพวกเขา”ชนะ” ก็คงจะเป็นเช่นนั้น นอกจากพระเจ้าจะแทรกแซง เพราะ “เจ้านายใหญ่”ของพวกเขา คุณทักษิณ ผู้เป็นเครื่องมือของระบบโลกใหม่ และพวกกบฎที่ถูกจ้างมา ได้ถูกวางแผนจัดฉากโดยกลุ่มนายทุนระดับโลกเช่นเดียวกับที่กลุ่มผู้ก่อการร้าย “มุสลิม”ทางใต้ พวกเขาและคนไทยที่เหลือทั้งหลายยอมสูญเสียสิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการและทุกอย่างที่พวกเขามีอยู่แล้วแต่ไม่ตระหนัก และนั่นคืออะไรล่ะ?
ระบอบราชาธิปไตยที่มั่นคง มีสมดุลเป็นประกันถึงอิสระ เสรีภาพ ของการปกครองระบอบรัฐธรรมนูญ แต่ระบบการปกครองโลกใหม่ที่เติบโตขยายตัว ซึ่งจงใจหยุดประเทศไทยต่อไปจากความมั่งคั่ง(เหมือนที่พวกเขาได้ทำในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจไทยในอดีต) ยึดอำนาจ และลดอำนาจรัฐให้เป็นทาสโลกาภิวัตร เหมือนที่ได้ทำกับประเทศอเมริกาจากภายนอกและโจรกรรมประกันอย่าง ที่เขาทำกับประเทศไอซ์แลนด์ กรีก โปรตุเกส และประเทศอื่นๆที่กำลังเผชิญกับโชตชะตากรรมที่น่าสงสาร

ใช่!หลายต่อหลายคนทางภาคอีสานและภาคเหนือเป็นคนจน ก็เช่นเดียวกับคนหลายๆล้านคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย คนงานที่ตกงาน คนชั้นกลางที่เคยเป็นเจ้าของบ้านที่ถูกยึดไปแล้ว ในอเมริกา แคนาดา ยุโรป และรัสเซีย อ้อ อย่าลืมชาวลาตินอเมริกา “ชาวประชาธิปไตยสุดๆ”ที่ยากไร้ ซึ่งถูกซื้อประเทศโดยพวกนายทุนธนาคาร หรือแม้แต่พวกอัฟริกา หรืออินเดีย หรือพวกคุณนักสังคมนิยมคิดว่าจีนเป็นประชาธิปไตยตัวจริงหรือ? ฮ่า!

จริงอยู่! ”ประธิปไตย”ในเมืองไทยก็ผิดๆเหมือนกับคนอื่นเขา และถูกปกครองโดยทั้งพวกนักธุรกิจระดับนานาชาติและนักการเมืองรวยๆที่กดขี่คนจน ก็เหมือนกับประเทศอื่นๆที่เป็น”ประชาธิปไตย”ที่เหลือในโลกนั่นแหละ พวกเขาก็เอาเปรียบคนจน! น้อยคนมากที่ไม่เป็นเช่นนั้น นอกจากพวก”ประชาธิปไตย” ที่รวยจริงๆและไม่มีคนจน อย่างเช่น สวีเดน ฮอลแลนด์และนอร์เวยมั้ง? ก็คุณเคยเห็นคนจน”ประชาธิปไตย” อังกฤษบ้างมั๊ย? ชาวอังกฤษเป็นทาสของพี่ใหญ่เผด็จการของบ้านเขาเองนั่นแหละ!

ประเทศที่เป็น“ประชาธิปไตย”ที่พัฒนาอื่นแล้วในโลกนี้ก็ตกเป็นหนี้นักเผด็จการของระบบโลกใหม่  หลายๆประเทศถูกปกครองโดยรัฐบาลสังคมนิยมเผด็จการที่คนในประเทศ อย่างพวก”รากหญ้า”จากภาคเหนือ หรืออีสานในเมืองไทย ไม่มีเสรีภาพที่จะประท้วงอย่างรุนแรง ถูกบงการโดยนายทุนที่ร่ำรวยอย่างเช่นเมืองไทยหรอก

ที่ตะวันตกหลังจากการปฎิวัติแล้ว คนในประเทศของเขาไม่สามารถรวมตัวกันอย่างพวก”เสื้อแดง”ทำได้หรอก ชาวตะวันตกไม่มีปากไม่มีเสียงหรือการจัดการ อย่างเช่นชาวสก็อตหรือชาวเซลต์จากเวลล์จะลุกฮือขึ้นมาอย่างนั้นหรือ เขาจะถูกจัดการอย่างรวดเร็ว โดยสิ่งที่”น่าเกลียดน่ากลัว”แห่งสื่อบีบีซี “นายทุนธนาคารจากอังกฤษ” หรือ “พี่เบิ้มสื่อขี้โกงที่เอาเปรียบ” เขาจะถูกสาดด้วยแก๊สน้ำตา,ยิงด้วยกระสุนยาง อย่างหนัก ก่อนที่เขาจะรวมตัวกันไปถึงลอนดอนด้วยซ้ำ! พูดเป็นเล่นไปน่ะ?
แต่เมื่อคนไทยยืนกรานที่ทำอย่างนั้น เขาจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่พวกเขากำลังพยายามอย่างหนักหนาที่ให้ได้มา พวกเขาจะสูญเสียความแข็งแกร่งของประเทศ ความมั่นคงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นประเทศหนึ่งเดียวที่เหลือภายใต้ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขอย่างแท้จริง พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยกเว้นพระเยซูเอง
ชาว”เสื้อแดง”ที่ถูกหลอกนี้ไม่รู้ประวัติศาสตร์เพียงพอที่จะตระหนักว่าพวกชนชั้นสูงทั่วโลกมักจะใช้วิธีการนี้เสมอเพื่อทำให้ประเทศแตกแยก “แบ่งแยกและเข้ายึดครอง”! ถ้าประเทศไทยยังคงแตกสามัคคีก็จะยิ่งแย่ลง จะถูกยึดครองในที่สุดโดยพวกกระหายสูบเลือดต่างด้าว อย่างแน่นอน!
ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันคือทางรอดของคนไทย! เพราะความสามัคคีของคนไทย ย้อนกลับไปเมื่อ ๗๐๐ ปีที่ผ่านมาสมัยที่คนไทยจากแคว้นยูนานทางตอนใต้ของจีน ที่ซึ่งคนไทยเคยอยู่อาศัยร่วมกันก่อนที่จะอพยพมาเมืองสยาม และแม้แต่สมัยนั้น ก่อนที่ถึงสมัยสุโขทัยด้วยซ้ำ คนไทยที่ร่ำรวยได้เอารัดเอาเปรียบคนจนกันแล้ว แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันได้ เพราะเขายังเป็นคนกลุ่มน้อยอยู่ เขารู้ว่าถ้าพี่น้องของเขาอยู่ไม่ได้ เขาก็อยู่ไม่รอด ถ้าเขาไม่เกาะกันเป็นกลุ่ม เขาจะไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลย แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ?
ชาว”เสื้อแดง”ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลับหูหลับตาอุ้มนักธนาคารต่างชาติที่มีสีและความฝันลมๆแล้งๆของพวกแดงเอียงซ้าย กำลังสูญเสียความสามัคคีของพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว ต่อหมาป่าต่างถิ่นที่ทำให้เขาสับสนด้วยคำสัญญาจอมปลอม เช่นเดียวกับนักการเงินBolsheviks ให้สัญญาชาวรัสเซียที่น่าสงสารมาก่อนและระหว่างปี ๑๙๑๗ สมัยปฎิวัติรัสเซีย และอย่างที่ Freemasonry แนะJacobines ให้เป่าประกาศพวกParisians ระหว่างช่วงปฎิวัตินองเลือดของฝรั่งเศสว่า “เสรี อิสระภาพ ความเสมอภาพ”

ผลลัพธ์คืออะไรล่ะ? เลือดชาวฝรั่งเศสไหลนองถนนของเขามากกว่าที่เขาเสียเลือดคนของเขากับการรบกับประเทศที่เป็นศัตรูเขาอีก! และยิ่งกว่านั้นการนองเลือดของสงครามกลางเมืองในรัสเซียมีคนถูกฆ่าหมู่ราว ๖๐-๘๐ ล้านคน นับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศรัสเซียเลยทีเดียว

ถ้าชาวฝรั่งเศสและรัสเซียเลือกระบอบราชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์แบบของเขา(และกษัตริย์เหล่านั้นไม่สมบูรณ์จริงๆเมื่อเทียบกับพระมหากษัตริยของพวกชาวไทย!)แทนที่จะตกใต้อำนาจการควบคุมทางการเงินจากพวกเหยี่ยวกระหายทรัพย์ต่างชาติ ผู้ซึ่งไม่สนใจหรอกว่าชนประจำชาตินั้นๆจะเป็นอย่างไร ประเทศฝรั่งเศสและรัสเซียก็คงจะอยู่รอดมาได้และจะคงเป็นประเทศเสรีต่อไป!

ถ้าคนไทยเพียงแต่เกาะกันให้แน่น พวกเขาก็อย่างน้อยก็จะเป็นกำบังกั้นเหยี่ยวที่วนอยู่เหนือศีรษะพวกเขาด้วยใจอดทนหรือรอคอยอยู่บนต้นไม้ใกล้ ขณะที่กกไข่พวกที่ชอบยุแยงตะแกงรั่วที่ไม่รู้ประสีประสา คนไทยหนอคนไทย!
ชาวเหนือและชาวอีสานเอ๋ย อย่าหลงกลคนลวงข้ามชาติเลย พวกเขาน่ะแย่ยิ่งกว่ารัฐบาลที่โกงกินเสียอีก ยังไงคุณก็หนีพวกโกงกินไม่พ้นหรอก
ก็ไงล่ะ?คุณจะได้อะไรบ้าง? เพียงถูกชาวต่างชาติยึดอำนาจและการควบคุมโดยนายทุนจากรัฐบาลโลกที่รอคอยคุณอยู่ คุณคิดว่าพวกเขารักคุณมากกว่าหรือ คุณเชื่อหรือว่าพวกเขาจะให้”เสรีภาพและประชาธิปไตย”แก่คุณ?

คุณหลอกตัวเองแล้วหล่ะ! คุณถูกหลอก! กลับบ้านไปเถอะ คุณจะได้พูดทีหลังได้ว่า”เราโชคดีจริงๆ” แต่เราไม่เคยตระหนักเลย! เรามีเงินแค่นิดหน่อยแต่เราเป็นไท อย่างน้อยเรามีทรัพยากรธรรมชาติที่พระเจ้าประทานให้อย่างอุดมสมบูรณ์”
แน่นอน พวกเราหลายคนยังจนอยู่ แต่ในหลายๆประเทศที่ปฎิเสธพระเจ้าทั่วโลกก็มีปัญหากันทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะคุณหรอก และผู้นำที่ไม่สมบูรณ์แบบที่คุณมีอยู่ขณะนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังดีกว่าพวกผู้นำชาวต่างชาติที่ชั่วร้ายมากเลย คุณจะต้องได้พบแน่ถ้าคุณยังดันทุรังอยู่อย่างนี้
กลับบ้านไปเถอะ หยุดฟังนายทุนมั่งคั่งทักษิณคนนี้ ผู้ซึ่ง”ให้หมอถูกๆและเครดิตง่ายๆ” เขาก็แค่เป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่ตัวเช่นพวกนักการเมืองส่วนมากนั่นแหละ แต่เขาหลอกตัวเองว่า “ถ้า เขาเป็นกษัตริย์ เขาจะเปลี่ยนประเทศนี้ให้กลับตาละปัตรเลย” เขาจะตั้งใจหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาด้วยก็เป็นเพียงตัวหมากรุกจิ๋วๆให้กับรัฐบาลโลก เขายอมขายประเทศไทยลงแม่น้ำให้ต่างชาติ (จำนักปั่นเงินโซรอสได้มั๊ย?)

โอ พวก”เสื้อแดง” ที่ถูกครอบงำ ถ้าพวกเขาเพียงแต่รู้ว่าพวกเขาถูกนายทุนหลอก ประเทศไทยแปลว่าดินแดนเสรี โอชาวเหนือและอีสานที่รักเอ๋ย กลับบ้านของคุณ ในขณะที่ยังเป็นโคราชเสรี อุดรเสรี อุบลเสรี แพร่เสรี เชียงใหม่เสรี เชียงรายเสรี เป็นต้น และนับพรที่คุณได้รับ ลองคิดดูสิว่าเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว ตอนที่คุณแทบไม่มีอะไรเลย ไม่มีสกูตเตอร์ ไม่มีรถกระบะ ต้องยอมก้มหัวให้พ่อค้าเจ็กคนกลาง ไม่มีพวกหมอ มีโรงเรียนแค่ไม่กี่โรงเรียน และมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่ง และมีเหล้าแม่โขงที่หาดื่มไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ด้วย ฮ่า!
ไม่นะ ผมไม่ได้ดูถูกคุณ ผมเห็นใจคุณ แต่คุณคิดว่าอะไรเหรอที่พวกลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่จะลงเอยด้วยการนองเลือดจะทำให้คุณมีความสุขขึ้นหรือ? ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองดูประเทศเวียตนามกับลาวดูซิ ถ้าคุณไปเยี่ยมประเทศของเขา แล้วคุณจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่มีระบอบพระมหากษัตริย์และที่สำคัญความเป็นชาวไทยที่เสรี จำพลพตได้มั๊ยหล่ะ?

นี่ไม่ง่ายเลย พวกนิยมหัวซ้ายทั้งหลายเอ๋ย เราสูญเสียอิสระภาพและเสรีในการมีปากมีเสียงให้กับพวกนายทุนทั่วทั้งยุโรปและอเมริกา เหตุผลเดียวที่เราไม่จน จนหมดตัวก็เพราะนายทุนที่กระหายเลือดพวกนี้ได้แย่งเอาทรัพยากรธรรมชาติจากประเทศที่กำลังพัฒนา เอาจาก“พวกคนชั้นกลาง” ไปมอบให้ชาวตะวันตกจนๆ และแทบจะทำลายคนชั้นกลางแล้วด้วยการขโมยบ้านและรายได้เขา โกงเงินยูโร และเงินสำรอง ซึ่งอเมริกาเคยมี หลายๆประเทศที่เคยเป็นคนชั้นกลางขณะนี้กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรุงอย่างขัดสน

ได้โปรดเถอะชาวเสื้อแดง ถอดเสื้อสีซาตานออก และขอบคุณพระเจ้าต่อสิ่งที่คุณมี และสามัคคีกันภายใต้พระเจ้าอยู่หัวที่พระเจ้ามอบให้คุณ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพี่น้องร่วมชาติคุณ อย่าปล่อยให้ประเทศของคุณถูกขโมยโดยพวกแร้งเพราะคุณขาดสติสัมปชัญญะ หลายต่อหลายอย่างถูกพิชิตได้โดยสันติวิธี และถ้าไม่มีอะไรแล้ว ใจที่กตัญญูก็เป็นใจที่เปี่ยมสุข

ปฎิวัติที่ใช้กำลังรุนแรงไม่เคยช่วยประชากรที่น่าสงสารใดๆให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการและจำเป็นจริงๆเลย ได้โปรดเถอะ ถ้าคุณรักตัวคุณและประเทศของคุณ กลับบ้านเถอะ ชาวไทย ร่วมใจกัน อย่าสูญเสียสิ่งที่ดีเพื่อสิ่งที่คิดว่า “ดีกว่า” และลงเอยด้วยสิ่งที่แย่ในที่สุด โปรดกลับบ้านเถอะ โดยสันติวิธี

ท้ายสุดนี้ ผมได้พูดที่ผมอยากพูดแก่พวกคนระดับล่างแล้ว ผมอยากจะฝากพวกนักการเมืองไทยสั้นๆด้วยว่า แม้ปฎิวัติในฝรั่งเศสถูกบงการโดยพวกแร้งที่หิวกระหายเงินต่างชาติ แต่สาเหตุมาจากพวกนักการเมืองชาวฝรั่งเศสที่เห็นแก่ตัวผู้ซึ่งไม่ใช้อำนาจอันชอบธรรมที่พระเจ้ามอบให้เขาและปกครองคนของเขาอย่างเป็นธรรมอย่างแท้จริง พวกเขาปล่อยให้ความโลภที่เห็นแก่ตัวครอบงำให้ไม่มีความเป็นธรรม กดขี่ข่มเหง ขาดความเห็นอกเห็นใจคนจนๆ ใช้อำนาจไปในทางผิดๆ และฝรั่งเศสสูญสิ้นทุกอย่างจริงๆ พวกนักการเมืองรวยๆที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ต้องโทษตัวเองเท่านั้นกับการสูญเสียประเทศของเขาไป

สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับประเทศของคุณด้วย ถ้าคุณยังไม่ลืมหูลืมตา กลับใจและดูแลผู้คนของคุณให้ดีกว่านี้ราวกับเขาเป็นพี่น้องของคุณ หยุดใช้อำนาจรัฐไปในทางที่ผิด และหยุดดูดเลือดคนจน ครอบครัวชาวไทยของคุณ ให้ความเป็นอยู่ที่ดีแก่เขา ให้ความเป็นธรรมแก่เขา ไม่งั้นคุณจะลงเอยเหมือนนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวชาวฝรั่งเศส ชาวรัสเซีย ชาวอเมียเนีย และหลายประเทศทั่วโลกนั่น พบกับความหายนะ และประเทศของคุณก็จะตกเป็นเหยื่อในอุ้งมือนายทุนโลกที่เห็นแต่ได้ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง รักพี่น้องของคุณ ดูแลเขาให้ดี ไม่งั้นคุณจะสูญเสียสิทธิอันชอบธรรมในการปกครอง คงไม่สายเกินไปนะ?
LINK TO A OUR LATEST ARTICLE

Can Bangkok Thailand change its red (shirt) karma?


-------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา  Here ...

2554-07-10

เปิดมติการประชุมมรดกโลก ครั้งที่ ๓๕ กรณีปราสาทพระวิหาร

เปิดมติการประชุมมรดกโลก ครั้งที่ ๓๕ กรณีปราสาทพระวิหาร

มติการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ ๓๕ กรณีปราสาทพระวิหาร 35 COM 7B.62ฟิฟทีนมูฟ — เปิดเอกสารคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมครั้งที่ ๓๕ มติ 35 COM 7B.62 ปราสาทพระวิหาร ไม่กล่าวถึงแผนบริหารจัดการปราสาท ข้อเสนอของทั้งกัมพูชาและไทยถูกถอนออกทั้งคู่ เหลือมติ ๖ ข้อจากเดิม ๗ ข้อ ส่วนเอกสาร สถานะการอนุรักษ์ WHC.11/35.COM/7B.Add.2 เอียงเข้าข้างเขมรน้อยลง ข้อมูลที่ระบุว่าไทยเปิดการโจมตีหรือยิงใส่ปราสาทหายไป
เอกสารการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ ๓๕ ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๙ มิถุนายน มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเด็นปราสาทพระวิหาร ๒ ฉบับ ฉบับแรก คือ มติคณะกรรมการมรดกโลก 35 COM 7B.62  ซึ่งรวมอยู่ในเอกสารรายงานการประชุม WHC.11 /35.COM /20 ฉบับที่สอง คือ WHC.11/35.COM/7B.Add.2 เป็นรายงานสถานะการอนุรักษ์ หรือ State of conservation ซึ่งยูเนสโกปฏิเสธก่อนหน้าว่าคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีการบันทึกในส่วนนี้ ฟิฟทีนมูฟนำเสนอเนื้อหาโดยละเอียดของเอกสารทั้งสองฉบับ
เอกสารผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ ๓๕ ที่กรุงปารีส WHC.11 /35.COM /20 ระบุมติ 35 COM 7B.62 กรณีปราสาทพระวิหาร ไว้ในข้อ ๖๒ หน้า ๑๐๓ มีเนื้อหา ดังนี้
——————————————————————–
๖๒. ปราสาทพระวิหาร (กัมพูชา) (C 1224rev)
มติ: 35 COM 7B.62
คณะกรรมการมรดกโลก
     ๑. ได้ตรวจสอบเอกสาร WHC-11/35 COM7B.Add.2
     ๒. อ้างถึง มติ 31 COM 8B.24, 32 COM 8B.102, 33 COM 7B.65, 34 COM 7B.66
จากการประชุมครั้งที่ ๑๓ (ไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ ๒๕๕๐) การประชุมครั้งที่ ๓๒ (ควิเบก แคนาดา ๒๕๕๑) การประชุมครั้งที่ ๓๓ (เซบียา สเปน ๒๕๕๒) และการประชุมครั้งที่ ๓๔ (บราซิเลีย บราซิล ๒๕๕๓)
     ๓. ขอบคุณ ผู้อำนวยการยูเนสโกที่ส่งทูตพิเศษ นายโคอิชิโร มัตสึอุระ ไปยังราชอาณาจักรไทยและกัมพูชา ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ด้วยมุมมองที่จะฟื้นคืนการสนทนาระหว่างสองภาคี
     ๔. ประทับใจ ความพยายามของผู้อำนวยการยูเนสโกในการอำนวยความสะดวกทั้งการหารือแยกและทวิภาคีระหว่างสองภาคี ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔
     ๕. รับทราบ ความตั้งใจดีของภาคีและยืนยันความจำเป็นที่ต้องรับประกัน โดยสอดคล้องกับแนวปฏิบัติ (Operational Guidelines) ในการปกป้องและอนุรักษ์ทรัพย์สมบัติจากความเสียหายใด
   ๖. สนับสนุน รัฐภาคีกัมพูชาและไทยให้ใช้อนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ เป็นเครื่องมือสนับสนุนการอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการสนทนา
——————————————————————–
เป็นที่น่าสังเกตว่า มติของคณะกรรมการมรดกโลก (35 COM 7B.62 ใน WHC.11 /35.COM /20) ไม่มีการพูดถึง ๑. แผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา และ ๒. ร่างมติ 35 COM 7B.62 เดิมมี ๗ ข้อ ถูกตัดเหลือ ๖ ข้อ โดยส่วนที่เป็นข้อเสนอของทั้งกัมพูชาและไทย (ข้อ ๖ เดิม การตัดสินใจ) ถูกตัดออกไปทั้งคู่ โดยร่างมติที่ถูกเสนอเข้าในวาระการประชุมนั้น ฝ่ายกัมพูชาเสนอให้ทบทวนความคืบหน้าของการคุ้มครองและอนุรักษ์ในการประชุมครั้งที่ ๓๖ ขณะที่ฝ่ายไทยเสนอให้พิจารณาเอกสารในการประชุมครั้งที่ ๓๖
ขณะที่เอกสาร WHC.11/35.COM/7B.Add.2 ซึ่งเป็นเอกสารสถานะการอนุรักษ์ (State of conservation) ของทรัพย์สินมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก ได้ให้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องปราสาทพระวิหาร ไว้ใน หน้า ๖-๗  ข้อ ๖๒. ปราสาทพระวิหาร (กัมพูชา) (C 1224rev) ซึ่งเนื้อหาสำคัญอยู่ในส่วนของปัญหาการอนุรักษ์ปัจจุบัน (Current conservation issues)  มีรายละเอียดว่า
——————————————————————–
ปัญหาการอนุรักษ์ปัจจุบัน
เอกสาร  WHC.11/35.COM/7B.Add.2  สถานะการอนุรักษ์ (State of conservation)ที่การประชุมครั้งที่ ๓๔ (บราซิลเลีย ๒๕๕๓) คณะกรรมการฯ ได้บันทึกว่า รัฐภาคีกัมพูชาได้ยื่นเอกสาร และตัดสินใจที่จะ “พิจารณาเอกสารที่ยื่นโดยรัฐภาคี ในการประชุมครั้งที่ ๓๕ พ.ศ.๒๕๕๔” (มติ 34 COM 7B.66) คณะกรรมการฯ ไม่ได้ร้องขอให้ภาคีใดรายงานสถานะการอนุรักษ์ของทรัพย์สมบัตินี้
โดยการร้องขอของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และโดยความยินยอมของกัมพูชา สำเนาเอกสารหนึ่งชุด คือแผนบริหารจัดการสำหรับทรัพย์สมบัติของปราสาทพระวิหาร รวมถึงแผนที่ซึ่งแก้ไขแล้ว ได้ถูกส่งถึงผู้แทนไทยประจำยูเนสโก โดยผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านวัฒนธรรมของยูเนสโก เมื่อ ๙ กันยายน ๒๕๕๓ เอกสารเหล่านี้ได้ถูกแจกจ่ายให้กับ ICOMOS ระหว่างการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๓๔ (บราซิเลีย ๒๕๕๓)
แผนบริหารจัดการจัดเตรียมโดยรัฐภาคีกัมพูชาระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๒ และได้รับประโยชน์จากคณะทำงานทางเทคนิคที่ไปยังทรัพย์สมบัติโดยทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ ได้ยื่นถึงศูนย์มรดกโลก เมื่อ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
เมื่อ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ รัฐภาคีกัมพูชายื่นถึงศูนย์มรดกโลก ร้องขอความช่วยเหลือระหว่างประเทศ เพื่อจัดการสัมมนาทางเทคนิค ประเด็นการอนุรักษ์ ทะนุบำรุงและจัดการปราสาทพระวิหาร คำร้องถูกตรวจสอบโดยเห็นชอบจากองค์กรที่ปรึกษา (ICOMOS และ ICCROM) และศูนย์มรดกโลก และเสนอแนะให้ประธานอนุมัติคำร้องจำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ บนเงื่อนไขที่ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้มีส่วนร่วมจากประเทศไทยควรได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย เนื่องจากพัฒนาการต่อมาในและรอบทรัพย์สมบัติ คำร้องถูกชะลอการอนุมัติโดยประธาน
เอกสาร  WHC.11/35.COM/7B.Add.2  สถานะการอนุรักษ์ (State of conservation)ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ได้เพิ่มความตึงเครียดและการเผชิญหน้าระหว่างสองประเทศ นับตั้งแต่การเผชิญหน้าล่าสุดที่เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ ดังที่ได้รายงานโดยสองฝ่าย กองกำลังติดอาวุธได้ยิงต่อสู้กันตั้งแต่วันที่ ๔-๗ กุมภาพันธ์ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของพลเรือนและทหาร การอพยพของประชากรพลเรือนและการทำลายทางกายภาพ
ยูเนสโกไม่มีรายงานชั้นต้นของสถานการณ์ในพื้นที่ สองฝ่ายได้ให้ข้อมูลฝ่ายตนของเหตุการณ์ ในจดหมายหลายฉบับซึ่งได้สื่อสารไปยังผู้อำนวยการยูเนสโก ประธานคณะกรรมการฯ หรือประธานคณะกรรมการบริหาร
ยูเนสโกได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกระตุ้นซ้ำให้รัฐภาคีทั้งสองแก้ข้อพิพาทโดยสันติ และลดความตึงเครียดรอบทรัพย์สมบัติ ด้วยมุมมองที่จะประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้นและขยับเคลื่อนการสนทนาระหว่างสองฝ่าย ผู้อำนวยการยูเนสโกตัดสินใจส่งทูตพิเศษ อดีตผู้อำนวยการยูเนสโก นายโคอิชิโร มัตสึอุระ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ถึง ๑ มีนาคม นายมัตสึอุระ พบกับหัวหน้ารัฐบาลของทั้งสองในเมืองหลวงเพื่อสนับสนุนให้มีการสนทนาและความร่วมมือต่อ ดังผลของภารกิจนี้ ได้เห็นชอบให้การประชุมทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกโดยผู้อำนวยการยูเนสโก เกิดขึ้นเมื่อ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก ในกรุงปารีส ก่อนการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการมรดกโลก ที่กำหนดในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔
เมื่อ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ มีการขยายตัวต่อไปอีกเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกของทรัพย์สมบัติ ระหว่างกำลังทหารสองฝ่าย ในพื้นที่เขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทย
การสู้รบในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายน ๒๕๕๔ มีความยืดเยื้อยิ่งขึ้น และมีรายงานการใช้อาวุธหนัก ก่อนหน้าการปะทะ สองประเทศมีรายงานการเสริมกำลังทหารในพื้นที่ หลังความไม่ลงรอยกันกรณีมีธงชาติในเขตพิพาท ผลของการสู้รบ มีรายงานว่าพลเรือนหลายพันได้เกิดการพลัดถิ่นในทั้งสองประเทศ
ความช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ร้องขอเงินจำนวน ๗๔,๔๒๒ ดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนมรดกโลก (World Heritage Fund) ยื่นโดยเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติสำหรับยูเนสโกของกัมพูชา (Cambodian National Commission for UNESCO) ถึงศูนย์มรดกโลก เมื่อ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๔ โครงการมีเป้าหมายนำไปทำความสะอาดฉุกเฉินและสนับสนุนการอนุรักษ์ที่ทรัพย์สมบัติ ในขณะเตรียมรายงานนี้ คำร้องได้ถูกประเมินอย่างเป็นบวกโดยองค์กรที่ปรึกษา (ICOMOS และ ICCROM) หลังขอความชัดเจนหลายครั้งจากรัฐภาคีกัมพูชา คำร้องจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากประธานคณะกรรมการมรดกโลก
ผู้อำนวยการยูเนสโก ได้อำนวยความสะดวกในการประชุมแยกและทวิภาคี ระหว่างตัวแทนของราชอาณาจักรกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ ๒๕, ๒๖ และ ๒๗ พฤษภาคม ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก ในกรุงปารีส ภาคีทั้งสองยืนยันความมุ่งมั่นที่จะรับประกันการคุ้มครองและอนุรักษ์ทรัพย์สมบัติ และป้องกันความเสียหายในอนาคต ความจำเป็นที่จะต้องทำการซ่อมแซมฉุกเฉินและมาตรการการบูรณะก็ถูกรับทราบเช่นกัน เป็นความจำเป็นที่ต้องสนทนาและปรึกษาต่อซึ่งนำไปสู่การประชุมครั้งที่ ๓๕ ของคณะกรรมการมรดกโลก
ข้อสรุป:
ศูนย์มรดกโลกและองค์การที่ปรึกษาเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องสร้างการสนทนาขึ้นใหม่อีกครั้ง ระหว่างภาคีโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อทรัพย์สมบัติของมรดกโลก
ร่างมติ: 35 COM 7B.62
ร่างมติจะถูกเสนอคณะกรรมการมรดกโลกระหว่างการประชุม
——————————————————————–
มีข้อสังเกตประการหนึ่งว่า ตาม กรณีนางอิรินา โบโกวา แสดงความเสียใจต่อการถอนตัวจากอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ ความตอนหนึ่งระบุว่า คณะกรรมการมรดกโลกไม่ได้หารือแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร หรือขอให้บันทึกรายงานใด ๆ ลงในสถานะของการอนุรักษ์ แต่ตามเอกสารมติคณะกรรมการมรดกโลกอย่างเป็นทางการ กลับมีการลงบันทึกสถานะการอนุรักษ์ ใน WHC.11/35.COM/7B.Add.2 ความยาว ๒ หน้ากระดาษ นอกจากนี้ข้อความที่โน้มเอียงเข้าข้างกัมพูชา อันได้แก่ไทยเป็นฝ่ายเปิดการโจมตี หรือความเสียหายของปราสาทพระวิหารที่เกิดจากการยิงปืนใหญ่ของทหารไทย และอื่น ๆ ที่ปรากฎในต้นร่าง ไม่มีบันทึกในรายงานฉบับนี้

---------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา  ตามนี้