จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการทหารบก
เรื่อง ขอให้ดำเนินการปกป้องสถาบันอย่างมียุทธศาสตร์ด้วยความจริงจังและต่อเนื่อง
เรียน ผู้บัญชาการทหารบก
ตามที่ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญของกองทัพบก เดินทางไปแจ้งความเพื่อ
ร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ที่ได้พูดจามีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพบนเวที
ของการชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายนต่อเนื่องวันที่ ๑๑ เมษายน ที่ผ่านมา ปรากฏเป็นข่าวทราบกันโดยทั่วไป
เครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน ขอเรียนชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของชาติ
ของผู้บัญชาการทหารบกในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ใคร่ถือโอกาสนี้ ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้
๑. พฤติกรรมของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยตัว
มาตลอด ระยะเวลา ๖-๗ ปี ที่ผ่านมาในระดับที่สูงอย่างที่ไม่เตยมีมาก่อน จนเป็นข้ออ้าง
ที่สำคัญประการแรกของคณะผู้ทำการรัฐประหาร พ.ศ.๒๕๔๙
๒. หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปจนได้รัฐบาลใหม่ ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นมา สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่คลี่คลาย แต่กลับรุนแรงขึ้น ซึ่งทั้งรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่างออกยืนยันถึงความสำคัญของการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีกลุ่มบุคคลภาคประชาชนหลายๆกลุ่ม ออกมาดำเนินการปกป้องสถาบันในรูปแบบต่างๆตามความสามารถ อันได้แก่ การแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำผิดเหล่านั้นผ่านสื่อต่างๆ การร้องเรียนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จนถึงการแจ้งความกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานก็มี แต่การกระทำเหล่านั้น ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งมักจะได้รับคำชี้แจงที่ว่า ขาดความชัดเจนของเนื้อหาบ้าง กฎหมายไม่เอื้ออำนวยบ้าง ติดขัดด้านปัญหาเทคโนโลยีบ้าง ทำให้การดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดเป็นไปด้วยความล่าช้า หรือขาดหายไปในที่สุด
ผลที่ตามมาก็คือ ผู้กระทำผิดเกิดความย่ามใจ ประกอบกับข่าวที่ว่า มีการรับอามิสสินจ้างจากผู้ที่ต้องการสั่นคลอนสถาบันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ก็ยิ่งทำให้สถาบันถูกคุกคามเพิ่มมากขึ้น
กระบวนการภาคประชาชน ที่ปวารณาตนออกมาปกป้องสถาบัน หลายต่อหลายกลุ่มต้องหมดกำลังใจ
ที่ไม่อาจจัดการกับ กลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีเหล่านั้น ซ้ำยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้แอบอ้างความจงรักภักดีออกมาเคลื่อนไหว
นอกจากนั้น ผู้กระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงเหล่านี้ ยังได้ใช้วิธีการเจ้าเล่ห์เพทุบาย ในการพูดจาจาบจ้วง
แบบเฉียดไปเฉียดมา ซึ่งเป็นการยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมากต้องออกมาใช้การตอบโต้ด้วยวาจาที่รุนแรง
ขึ้นโดยลำดับ มีการบัญญัติศัพท์ การใช้สัญลักษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย แต่โดยเจตนาแล้ว
เป็นที่เข้าใจได้ว่า มีความมุ่งหมายอย่างไร
๓. รัฐบาล ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนหลายหมู่เหล่า ได้ดำเนินการปกป้องสถาบัน
หลักของชาติ แบบต่างคนต่างทำ ขาดยุทธศาสตร์และยุทธวิธี จริงอยู่ที่ว่า การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี
เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจาก
ผู้ประสงค์ร้าย ได้กระทำการกันเป็นขบวนการ การปกป้องและตอบโต้อย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งจำเป็น
และต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งประกายความหวัง แต่ยังไม่น่าจะเพียงพอ เพราะหากขาดซึ่งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่า ประกายความหวังในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด
ความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องสำคัญที่สุด กระบวนการด้านบริหารและระเบียบราชการที่เชื่องช้า ไม่ควรเป็นอุปสรรคในการที่จะปกป้องสถาบันหลักของชาติให้ดำรงคงอยู่อย่างวัฒนาถาวรตลอดไป
ขอแสดงความนับถือ
บวร ยสินทร
ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน
๑๓ เมษายน ๒๕๕๔