จดหมายเปิดผนึกถึงท่านนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการในการผลิตสื่อส่วนราชการ

                                                      จดหมายเปิดผนึก

                                                              ๓๕ หมู่บ้านนวธานี ถนนเสรีไทย

                                                                                           เขต คันนายาว  กทม. ๑๐๒๓๐ 

                                                                                         โทรศัพท์ ๐๘๑ ๔๒๑ ๓๖๙๘

                                            ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔

เรื่อง  การวางมาตรการในการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ของส่วนราชการ                                     

กราบเรียน    ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

            เนื่องจากในขณะนี้มีป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก  ที่มีภาพของนักการเมืองประกอบอยู่ เช่น ภาพของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงนักการเมืองระดับท้องถิ่น  ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง ติดตั้งในพื้นที่ของเอกชนและพื้นที่สาธารณะทั่วประเทศ

            ทั้งนี้ป้ายโฆษณาดังกล่าวมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหรือกิจกรรมของหน่วยงานที่นักการเมืองผู้นั้นรับผิดชอบ  บางครั้งก็เป็นการโฆษณาโดยอาศัยโอกาสที่เป็นเทศกาลประเพณี การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการโฆษณาหาเสียงนอกฤดูกาลเลือกตั้งโดยอาศัยงบประมาณแผ่นดิน อีกทั้งเป็นการอาศัยอำนาจรัฐใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งเป็นลักษณะสุ่มเสี่ยงต่อการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน  ประกอบกับการประกาศจากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีการยุบสภาในปีนี้ ยิ่งทำให้มีข้อสงสัยได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเร่งใช้งบประมาณของรัฐบาลเพื่อหาเสียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            ศูนย์กลางนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยให้ดำเนินไปเช่นนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อนักการเมืองในระดับต่างๆ และจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้แก่รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศในอนาคต  ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล จึงควรจะวางระเบียบปฏิบัติให้มีความชัดเจน  และป้องปรามให้คณะรัฐมนตรีหลีกเลี่ยงการกระทำหรือสนับสนุนการกระทำในลักษณะดังกล่าว 

            อนึ่ง การชี้แจงว่าสาเหตุที่ใช้รัฐมนตรีเป็นพรีเซ็นเตอร์บนป้ายโฆษณาเพื่อประหยัดงบประมาณในการจ้างนายแบบนางแบบที่ค่าจ้างสูงนั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุผลเพราะหากภาครัฐมีความจำเป็นในการประชาสัมพันธ์ก็สามารถคัดเลือกเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีความเหมาะสมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แทนได้ นอกจากนี้ศูนย์กลางนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยยังเห็นว่านโยบายหรือกิจกรรมของรัฐบาลที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคมอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด

            หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะได้พิจารณาในเรื่องนี้โดยด่วน เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติต่อไปในอนาคต

                                                                                      ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

                                                  สำนักเลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย




-----------------------------------------------------------------------------------------------------
   ที่มา : ข่าวเดลินิวส์นำเสนอ   

กษัตริย์เมืองไทยในสายตาของฝรั่ง..คนนึง

      การที่คนไทยออกมาบอกว่า ลูกรักพ่อหลวง นั้น คุณเชื่อไหมว่า ...พวกเค้านั้นรักพระองค์จริงๆหรือไม่ เพราะอะไรที่ทำให้ จี คิดเช่นนั้น ต้องบอกว่า ก็การกระทำกับคำพูดของเค้านะขัดเเย้งกันนะสิคะ ก็ยังไงนะรึคะ ที่ว่าขัดเเย้งก็ ดูออกง่ายจะตายคะ ก็พวกเค้าไม่นำสิ่งดีๆที่พระองค์สร้างมา เอาไปใช้นะสิคะ..เวลาพ่อเตือน พ่อบอก ก็ไม่ทำกันเท่าไรนัก ก็เห็นเเค่ว่า มันดี..เเต่จะเอาไปทำหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะสิคะ

ศาสตราจารย์เเมนเฟรด คราเมส ชาวเยอรมัน

      เเล้วทำไมวันนี้ จี ถึงได้มาเปิดประเด้นในเรื่องนี้นะรึคะ ก็ไม่มีอะไรมากคะ บังเอิญว่า จี ได้ไปเจอบทความอันนึงที่เขียนโดยชาวต่างชาตินี่เเระคะ ที่เขียนเเสดงถึงความรุ้สึกที่มีต่อในหลวงของเรา ก็เลยเกิดความรู้สึกว่า มันโดนใจนะคะ ก็เลยอยากนำมาเขียนเพื่อเเบ่งปันเเละให้ทุกคนเข้าใจว่า ในสายตาของชาวต่างชาตินั้น เค้ารู้สึกยังไงกันบ้างไงคะ ชาวต่างชาติคนนี้มีนามว่า ศาสตราจารย์แมนเฟรด  คราเมส

      ดังนั้น จี จึงขอนำคำพูดของเค้ามาวางไว้ให้ทุกท่านได้รับรู้กัน ซึ่งมีคำพูดที่โดนใจของ จี เยอะมากๆเลยละคะ

     “ผมรู้สึกเศร้าใจ” เมื่อมีคนตั้งคำถามกับผมว่ารู้สึกอย่างไรเวลาที่ได้ยินคนไทยพูดว่า “เรารักในหลวง” อันหมายความถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผมจะให้คำตอบเช่นนี้ เพราะอะไรน่ะหรือ ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากท่านมีลูกที่ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านเลย ไม่เคยเดินตามแนวทางทางที่ท่านวางไว้ ไม่เคยต้องการที่จะเรียนรู้จากท่าน สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเพียงแค่ก่อปัญหา  แล้วก็เรียกร้องให้ท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็พร่ำพูดว่า “ลูกรักพ่อ” ถ้าท่านเป็นพ่อท่านจะรู้สึกอย่างไร

    ถ้าเป็นพวกคุณจะรู้สึกยังไง จี้ดเสียดเเทงหัวใจเลยไหมคะ ในฐานะที่ จี เปนคนไทยคนนึงที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ต้องบอกว่า จี ไม่ได้รู้จักพระองค์ในโครงการต่างๆมากมายที่มีเยอะเเยะจนเป็นภูเขาเหล่ากา หรอกคะ เเต่ จี รู้จักพระองค์ในคำสอนเเละต้นเเบบในการดำเนินชีวิตมากกว่าคะ พอมาเจอคำพูดเเบบนี้ของเค้าเเล้ว รู้สึกเจ็บใจคะ เพาะเสมือนว่า เราคนไทยเป้นลูกที่อกตัญญูต่อพระองค์ท่านยังไงก็ไม่รู้คะ..

     ขนาด จี ยังเด็กอยู่ยังไม่มีลูก ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเเม่ได้หรอกคะว่า รู้สึกยังไงที่มีลูกชอบก่อปัญหาให้พ่อเเม่ร้องไห้ เสียใจ คับอกคับใจ..เเต่ จี เข้าใจอยู่อย่างนึงว่า จี ไม่อยากให้คนเป็นพ่อเป็นเเม่ต้องร้องไห้คะ จึงคิดว่า ควรทำตัวเป้นเด็กดี สิ่งใดที่พ่อเเม่บอกเเล้วมีประโยชน์ ก็นำมาใช้ มาปฏิบัติก้คงดีคะ พูดไป จี ก็เป็นลูกที่ดื้อมากๆนะคะ เเต่ก็รักเเม่ตัวเองมากเลยนะคะ เเม้จะชอบตี จี บ่อยๆ ก้ตามทีนะคะ จี คิดว่า พ่อเเม่ไม่ทิ้งเราให้อยู่ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รึ เอายาขับเลือดกำจัดเรา รึ เอาเราทิ้งไว้ในถังขยะ ก็ถือว่า เป้นโชคดีที่สุดของเราเเล้วที่ได้อยู่ในความรักของพ่อเเละเเม่

   ดังนั้น จี เลยรู้สึกประหลาดใจว่า  หากเราได้รับการเลี้ยงดู เเละถูกปกป้องอย่างดี ให้การช่วยเหลือ มีบุญคุณกับเรา เเล้วเราจะไม่ตอบเเทนท่านเลยเชียวหรือ..การทำอะไรสักอย่างที่ดีๆ ที่พ่อหลวงได้เป็นต้นเเบบให้เราเเค่เพียงเรื่องเดียว รึ หลายๆเรื่องก็ได้ จะไม่ดีกว่าหรือคะ ตอบเเทนบุญคุณพ่อเเม่เรา เเละก็ตอบเเทนบุณคุญพ่อหลวง เรา..จะทำมันไม่ได้เชียวหรือคะ

     อีกอย่าง จี อยากถามว่า โครงการต่างๆที่พระองค์คิดค้นขึ้นมานั้น ทำไมในภาครัฐบาลถึงไม่นำมาใช้เเละจัดการในการบริหารศก.ละคะ ในเมื่อในหลายๆโครงการ ทำให้ชาวบ้านชาวนา ทุกคนฟื้นตัวอยู่กันได้ มีชีวิตที่ดีรอดพ้นจากความยากจนได้ เเล้วทำไมรัฐบาล หรือทุกคนไม่นำเอามาใช้คะ หากกลัวว่าจะเป็นการทำให้ขาดทุน หรือ ได้กำไรน้อย เราก็ใช้เเบบผสมผสานก้ได้นิคะ..จี เชื่อว่าการนำสิ่งที่พระองค์คิดขึ้นมาเอาไปใช้ในทั่วประเทศนั้นจะทำให้พระองค์มีความสุขเเละสบายพระทัยมากเลยทีเดียว เพราะว่าหากประชาชนมีความสุขเเละอยู่ดีกินดี ...สิ่งที่พระองค์ได้ทำมานานนับปี ก็ได้ลุล่วงเเล้ว..จีมีความคิดว่า พระองค์ยังไม่บรรลุในความฝันของตนเองที่ว่า อยากให้ประชาชนมีความสุข อยู่ได้ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบเเละมีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับศัตรูจากโลกนายทุน หรือความโลภต่างๆนะคะ เเละคำพูดทิ้งท้ายที่ จี ขอเอามาลงของศจ.ท่านนี้เพื่อให้คนไทยที่ได้อ่าน จงสำนึกเเละละอายใจของตนเองบ้าง 

 ประเทศหลายแห่งในโลกจะดีใจมากที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ แต่ท่านเองเป็นคนไทย มีพระองค์เป็นกษัตริย์แต่ไม่ได้นำประโยชน์จากพระองค์มาใช้ในชีวิตเลย ผมคิดว่าน่าละอาย ถ้าหากว่าเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปสู่วาระใหม่และมีกระแสลมแรงมาจากทิศทางอื่น ประเทศหลายแห่งในโลกจะชี้มายังประเทศไทยและดูแคลนว่า… “ดูสิ พวกเขามีครูผู้ยิ่งใหญ่ แต่ได้เรียนรู้จากพระองค์น้อยมาก”

           

ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเพียงบุคคลเพียงคนเดียวที่พยายามจะพัฒนาประเทศชาติ ในขณะที่คนอื่นๆ ในชาติได้แต่เฝ้ารอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นโดยที่มิได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ ซึ่งผมคิดว่าการพัฒนาประเทศในรูปแบบนี้ไม่น่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้

 ผมเชื่อด้วยว่า อำนาจล่อใจของอิธิพลทางการเมืองและวัตถุนิยมกำลังเข้มแข็งมากเกินไปในสังคมไทย คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงกำลังสูญหายไปตลอดกาล หากยังไม่มีใครตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญแห่งคำสอนนั้น

     มันเป็นจริงดันนั้นคะ เพราะว่าในตอนนี้อำนาจทางตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลให้คนไทยงมงายเเละเชื่อในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เเต่ไม่อาจรู้จักการผสมผสานนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างเเท้จริงได้ ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้การโฆษณาถึงเต่คุณงามความดีของพระองค์ไม่ใช่สิ่งที่ จี ต้องการอีกต่อไปเเล้ว เเต่สิ่งที่ จี ต้องการคือ รูปธรรมในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ มาจากพระราชดำรัส ำระบรมราโชวาท หรือ มาจากที่อื่นๆอีกเยอะเเยะที่ จี ต้องการรู้ให้หมดว่า พระองค์ทรงพระราชดำริ ได้อย่างไร
    เเละหากจี จะนำมาใช้ เราจะใช้อันใดที่เหมาะสมกับตัวเราเองได้บ้าง  อย่างน้อยก้พระราชดำรัสเเละพระบรมราโชวาทนี่ละคะที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคะ เพาะหากไม่มีสิ่งนี้ จี คงไม่รอดได้กลายเป้นคนเลวไปเเล้วเรียบร้อยคะ เพาะความทรมานในการมีชีวิตมันทุกข์ยากเหลือเกินคะ ดังนั้น จี จึงรู้สึกว่า พระองค์เป็นผู้มีพระคุณมากๆคะ

ที่มา จาก   สำนักข่าวเจ้าพระยา
( http://www.chaoprayanews.com/2009/04/21/learning-from-the-greatest-king/ )