Suggestion Post

Review ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 6 อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ภาค 6 อวสานหงสา        ตอนสุดท้ายของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ไทย บทสุดท้ายที่เล่าเรื่องของจุดจบของพ...

2558-04-15

Review ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 6 อวสานหงสา


ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
 ภาค 6 อวสานหงสา



       ตอนสุดท้ายของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ไทย บทสุดท้ายที่เล่าเรื่องของจุดจบของพระเจ้าหงสาวดีที่ก่อกรรมทำเข็ญ ระบายโทสะฆ่าแม่ทัพนายกองและเหล่าพระราชโอรสธิดา รวมไปถึงพระนางสุพรรณกัลยา จนความรู้ถึงหูของพระนเรศวรจึงมีความแค้น ยกทัพหมายเข้าตีหงสาวดีจับพระเจ้าหงสาวดีมาลงโทษ 
    
        เรื่องราวบทนี้มีในแบบเรียนทั่วไปอย่างย่อๆ พอจับประวัิตศาสตร์มาทำเป็นหนังให้เด็กและเยาวชนได้ดูนั้น ต้องยอมรับฝีมือในการกำกับหนังของมจ.ชาตรีเฉลิม ยุคลมากๆ รวมไปถึงการตัดตอน ทีมสร้างฉาก องค์ประกอบฉาก และเหล่านักแสดงที่สร้างความอลังการสุดยอดครั้งยิ่งใหญ่ในอดีต ถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิลม์ให้ทุกคนได้รับชมกัน

        ในตอนนี้มีฉากหลายฉากที่สำคัญและมีข้อคิดเตือนใจหลายๆฉาก ที่อยากกล่าวถึงเริ่มแรกเลย ขอเอยฉากของ ความอัปยศของพระเจ้าหงสาวดีในพฤติกรรมก่อน  เดิมทีก็ไม่ได้รู้ว่าพระเจ้าหงสาวดีมีพฤติกรรมแบบนี้ไหม หรือเสียสติไปแบบในหนังไหม ก็ไม่อยากยืนยันในจุดนี้ว่า เป็นต้นเหตุของสงครามนี้  แต่ในหนังบอกเล่าอารมณ์ของพระเจ้าหงสา แล้วรู้สึกว่า พระองค์เสียสติเป็นบ้าไปแล้ว มีอย่างที่ไหนฆ่าได้ทุกคน โกรธทุกคนที่ไม่ปกป้องลูกชายตนเองปล่อยให้พระนเรศวรทำยุทธหัตถี ทั้งที่พระองค์เองนั้นละที่สั่งให้พระมหาอุปราชออกไปรบ  หรือพระเจ้าหงสาไม่มีใจเยี่ยงนักรบแล้วหรืออย่างไร ขาดความรักจากพ่อ อุตริโอ่อวดมากเกินไปนะ  พระเจ้าหงสาเหมือนเด็กหลงทางที่หาทางออกไม่ได้ มีความอิฉฉาในพระองค์ดำ และพระเจ้าบุเรนอง จนสุดท้ายก็ขาดความรัก กลายมาเป็นจุดจบของเมืองหงสาวดี


          ฉากต่อมา ฉากพระองค์ดำที่ได้รู้ว่าพระนางสุพรรณกัลยาถูกสังหารแล้วก็บันดาลโทสะ จัดทัพยกไปตีหงสา  อันนี้มองแล้วรู้สึกทะลุเลยว่า ถ้าผู้นำขาดสติก็มักจะมีสงครามเพียงเพราะเหตุผลง่ายๆ อย่างความแค้นนั้นละนะ ถึงขนาดที่พระอาจารย์พยายามห้ามแล้วก็ยังไม่เชื่อฟัง จากที่เราดูมา เราคิดว่า พระอาจารย์ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์บางอย่าง กลัวว่าพระองค์ดำจะกระทำฆ่าพระเจ้าหงสาให้เป็นเวรกรรมต่อกันเสียมากกว่า แล้วก็กลายเป็นวัฏจักรไม่รู้จบ จึงเข้าไปขัดขวาง แต่ก็ไม่สำเร็จ  ฉากนี้ได้อะไร ฉากนี้ทำให้รู้ว่า วัฏจักรมีขึ้นก็ดับไป เป็นไปตามกฏแห่งกรรม แม้กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจเอาชนะได้

     เราชอบคำพูดของพระองค์ดำอยู่หลายๆฉากมาก ในจะตอนที่กล่าวถึงเรื่องของราชประเพณีในการออกศึก กล่าวถึงเรื่องหลักการปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฏร์ที่ง่ายๆ แล้วทุกวันนี้เราก็ได้ยินคำเหล่านี้มาบ่อยๆ  ยิ่งฉากสุดท้ายตอนที่พระองค์ดำกำลังจะสวรรคต แล้วมอบพระราชโองการให้พระองค์ขาวกระทำการตีเมืองอังวะแทน และขอให้สวมอาภรณ์ออกรบไปตีเข้าเมืองอังวะ อีกทั้งสั่งสอนพระองค์ขาวในการปกครอง ต้องขอยอมรับในฉากนี้เลยว่า 

  "ไม่มีอุดมการณ์และการกระทำใดจะยิ่งใหญ่
ไปกว่าการทำเพื่อประชาราษฏร์"  



       สำหรับคนไทยอย่างเราอาจดูหนังเรื่องนี้แล้วอินจะเกลียดพม่า  แต่สำหรับเราไม่รู้สึกเกลียดเลยเพราะตั้งแต่ดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกจนภาคสุดท้าย เรายอมรับในเกียรติและศักดิ์ศรีในการรรบและการปกครองของพม่าอย่างพระเจ้าบุเรนองมากๆ ทั้งพระมหาอุปราชที่ทำยุทธหัตถี รวมไปถึงพระนเรศวรผู้นำพาอโยธยาได้รับอิสรภาพ   

      บางทีเราก็คิดว่า มันคือเรื่องปกติมากในอดีตสำหรับการรบเพื่อขยายดินแดน กับรบเพื่อแสดงอำนาจในการปกครอง  หากบ้านเมืองอ่อนแอและถูกโจมตี เหล่าสยามก็ต้องตกเป็๋นเชลยสงคราม ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนไทยอยากเป็น ในประวัติศาสตร์ไทยมักมีการสู้รบกับพม่าบ่อยครั้งและส่วนใหญ่เป็นการรบเพื่อปกป้องตนเอง กับรบเพื่อข่มหัวเมืองต่างๆ ไม่ให้ลุกขึ้นมาต่อต้านเสียมากกว่า

     เราเคยคิดในอีกมุมมองหนึ่งนะว่า  แล้วเหตุใดเราต้องจัดทัพเพื่อรบกับพม่า ทำไมพม่าต้องการอโยธยามากขนาดนั้น  คำตอบง่ายๆ ก็แค่ว่า พม่าต้องการดินแดนอโยธยาเพื่อขยายอาณาเขตมันก็แค่นั้นละน่ะ ส่วนไทยก็ทำแค่ปกป้องดินแดนของตนที่ขยายอาณาเขตได้ตามปกติ  

   เรามักมีคำพูดว่า "เพื่อแผ่นดินอโยธยา เพื่อชาวสยาม เพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องตกเป็นเชลย"  ในจุดนี้เราเชื่อว่า มันคือสายเลือดของคนไทยน่ะที่มักไม่ยอมตกเป็นทาสของใคร  รบเพราะอะไร รบเพื่อไม่ให้เราเป็นทาสของผู้ใด รบเพื่อไม่ให้เราสิ้นอิสรภาพ  คำพูดเหล่านี้ คือคำพูดของบุคคลผู้มีอิสระเสรีในหัวใจ ซึ่งคนไทยแต่อดีตรู้จักคำว่า "อิสรภาพ" มานานแล้ว


      เราดูหนังเรื่องนี้ ไม่ได้บอกว่า เราต้องรักชาติไทย แต่เราดูแล้วต้องบอกกับตนเองว่า บรรพบุรุษต่อสู้ปกป้อง เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่ให้ลูกหลานต้องพบกับ "การสิ้นอิสรภาพ"  หากวันนี้จะต้องมีใครมาทำให้เมืองไทยสิ้นอิสรภาพ เราก็ขอปกป้องเมืองไทยนี้ด้วยความหมายของ

"การไม่ยอมแพ้กับการตกเป็นทาสของผู้ใด 
ประเทศใด หรือกลุ่มใด เป็นอันขาด"



** หมายเหตุ **

1.เราติดใจคำพูดของพระนเรศวรและกษัตริย์หลายพระองค์ของอโยธยาที่มักเอยว่า  "ครองแผ่นดินโดยธรรม"  สงสัยว่าเป็นคำพูดยอดฮิต หรือเป็นคำพูดของผู้นำที่สืบทอดต่อกันมาให้ลูกหลานพระราชวงศ์ได้กระทำการครองแผ่นดินหรือยังไง  ปกติกษัตริย์น่าจะใช้คำพูดในความหมายเชิงว่า ตนเป็นเจ้าของแผ่นดินและต้องปกครองแผ่นดินโดยตามใจชอบ ตามแบบกษัตริย์ชาติอื่น แต่ของชาติเรามาแปลกกว่า ชอบใช้คำว่า "ครองแผ่นดินโดยธรรม"  หมายความว่า แม้นเป็นกษัตริย์ถ้าปกครองประชาราษฏร์ไม่เป็นธรรมก็มีสิทธิ์ล่มจมแบบยุคของ ชายชู้ หญิงชั่วในเรื่องพระศรีสุริโยทัย ก็เป็นได้สินะ

2. ติดใจกับตำว่า อโยธยา  และคำว่า ชาวสยาม เมืองไทยในอดีตยังไม่มีการตีเส้นแผ่นดิน เราใช้อะไรวัดเขตพื้นที่การปกครอง  ในอดีตเค้าใช้อะไร  จากการสังเกตในหนัง เห็นเค้าเรียกรวมๆว่า "อาณาจักร"  ไม่ได้เรียกตามชื่อเมือง  อย่างที่รู้เรามีเมืองหลวง 2 ที่คือ อโยธยาและ พิษณุโลก ทำไมเราก็ยังเรียกแบบนั้น มันคือการเรียกรวมๆหัวเมืองทุกฝ่ายที่เข้ากับไทยใช่ไหม 

3.เคยคิดว่า พม่าจะเรียกหงสาวดี ว่าเป็นประเทศ แต่ไม่ใช่แฮะ พึ่งมาสังเกตก็ตอนที่ พระเจ้าหงสาพูดว่า อาณาจักรพุกาม นั้นละ ที่มีชื่อเมืองหลายเมืองแล้วยกให้หงสาวดี เป็นเมืองหลวง สรุบแล้ว ทั้งไทยและพม่าต่างก็มีชื่อเรียกว่า  "อาณาจักร" หรือ Kingdom (สังเกตในบทพูดอังกฤษว่า เค้าใช้คำว่า Kingdom ทั้งของไทยและพม่าเลยล่ะ) บ่งบอกว่า  เมืองไทยใช้คำนี้ เพราะมีกษัตริย์หรา ..ไม่มั้ง !!!  น่าจะเรียกอย่างนี้ เพราะมีการปกครองในรูปแบบหัวเมืองในอดีตที่มีกษัตริย์มาก่อน  เพราะอย่างกัมพูชาก็ไม่ใช่คำว่า อาณาจักร ทั้งที่มีกษัตริย์ครองอยู่  งงๆอยู่เหมือนกัน  แต่พม่าก็มาเลิกใช้คำนี้เมื่อถูกอังกฤษยึด แล้วเป็นเอกราชน่ะ 

4.ติดใจในเรื่องของประเพณีการสืบทอดบัลลังก์มานานละตรงที่ว่า หากพี่ชายขึ้นครองราชย์ แล้วสละราชสมบัติให้น้องชายขึ้นแทน โดยพี่ชายมีลูกชายด้วย มักจะถูกฆ่า เพื่อป้องกันการแย่งชิงสมบัติ มันเป็นกฏที่โหดร้ายมากและเด็ดขาดสุดๆ  ต้องยอมรับว่า กฏนี้ทำให้ราชวงศ์ไทยยังมีมาอยู่ได้ทุกวันนี้จริงๆ เพราะหากไม่มีกฏนี้ หากมีการต่อสู้แย่งสมบัติขึ้นมา มันจะเป็นสงครามภายในแล้วจะถูกศัตรูภายนอกเข้าแทรกแซงยึดเมืองได้  จำได้ว่า ในหนังพระศรีสุริโยทัย ก็มีน่ะ ฉากนี้น่ะ สุดท้ายเพราะการกระทำของแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ทำให้ระบบกษัตริย์อ่อนแอ เป็นสงครามภายใน ทัพพม่าเข้ายึดจนไปจบที่ การตายของพระศรีสุริโยทัย และการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1

5.เราภูมิใจมากกับสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ แต่ก็ไม่พอใจกับการกระทำของคณะบุคคลที่ทอดทิ้งมรดกบาปที่ระยำที่สุดไว้ให้คนไทยต้องชอกช้ำจนถึงทุกวันนี้ มรดกบาปที่ทำให้เมืองไทยตกเป็นเมืองขึ้นทางความคิดกับเมืองขึ้นทางวัตถุนิยม  ทำให้เมืองไทยไร้สิ้นอิสรภาพทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้  




2557-12-08

Review The Huhhergame Part1 พร้อมด้วยแนวคิด


The Huggergame : Mockingjay Part 1

     หนังที่ทำให้เมืองไทยต้องสนใจ ไม่ได้สนใจในแง่อะไร ทว่ามีกลุ่มที่สนใจการแสดงสัญลักษณ์การชู 3 นิ้วจากหนังเรื่องนี้แล้วนำมาใช้ที่ทำให้บ้านเมืองต้องเกิดความขัดแย้ง  และสัญลักษณ์ของเรื่องนี้ถูกกลุ่มๆหนึ่งนำไปใช้ได้ตอนต้นปี 57 ที่ยังมีรบ.ปูบริหารอยู่ กลายเป็นเรื่องราวขัดแย้งกันในทางการเมืองมาก โดยกลุ่มคนเหล่านี้เอามาใช้เพื่อให้ได้เปรียบ  ทว่าในความคิดของเรากลับบอกว่า หนังเรื่องนี้มันน่าสนใจ อยากจะรู้ว่า มันใช่ความหมายเหมือนที่กลุ่มแดงได้ว่าไว้ไหม ที่บอกว่า เป็นความหมายของการต่อต้านเผด็จการ 

    จนบัดนี้ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้  ต้องบอกว่าแตกต่างกับที่กลุ่มแดงนำมาใช้กันคนละเรื่องเลยละ มันแตกต่างกันมาก หนังเรื่องนี้ทำมาเพื่อต่อต้านเผด็จการที่กดขี่ประชาชนที่เป็นเมืองขึ้น

หนังมีหลายภาค แต่จะขอเล่าในภาคนี้โดยมีเนื้อหาเล่าถึง เมืองหลวงแคท ที่มีปธน.สโนว์ที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจทุกอย่าง และกอบโกยผลประโยชน์จากประชาชน รวมไปถึงกดขี่ ข่มเหง เอาเปรียบประชาชนให้ตกอยู่ในความหวาดกลัว  (นึกถึงภาพของปธน.เกาหลีเหนือไว้ ระบบแบบนั้นแหละ)  ที่นี่ก็มีเมืองขึ้นอย่าง พาเน็มที่มีเขตปกครองหลายเขต ต่างก็ต้องส่งส่วยให้กับเมืองหลวงตลอดเวลา  ได้มีอารมณ์ลุกต่อต้านปธน.สโนว์ โดยมีตัวแทนที่เป็นศูนย์รวมจิตใจอย่าง แคทนิสหรือสาวน้อยม็อกกิ้งเจย์ ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสการต่อต้านปธน.สโนว์  โดยที่ทางปธน.สโนว์ก็จับตัวคนรักของแคทนิสไปต่อรอง แล้วก็บีบบังคับทรมานในรูปแบบต่างๆ  

สรุปโดยย่อคือ หนังที่ต่อต้านการกดขี่ และเอารัดเอาเปรียบปชช. จะเห็นภาพง่ายกว่า ก็คล้ายๆชาติที่พวกที่ปกครองสบายๆ แต่รีดเอาเลือดจากคนชั้นล่างๆ ถ้าเอามาเปรียบกับเมืองไทยนี่ต่างอย่างกับฟ้าและเหวเลยละ 

มีหลายฉากที่ต้องบอกว่า มันโหดเหี้ยมมาก อย่างฉากที่สะเทือนใจมากที่สุด คือฉากการจับตัวเหล่าม็อกกิ้งเจย์ แล้วนำมาประหารชีวิตต่อหน้าปชช.พาเน็ม  แล้วถูกปธน.สโนว์พูดข่มขู่   ฉากนี้เห็นแล้วสะเทือนใจมากๆ นี่ยังไม่นับหลายๆฉากที่หนังเรื่องนี้ได้ฉายมาก่อนหน้านี้นะ 

ต่อมาก็ฉากปชช.พาเน็มในเขต 8 ที่สู้จนบาดเจ็บไปเยอะ สาวน้อยแคทนิสของเราเลยต้องไปให้กำลังใจกับปชช.ที่นั้น แต่หารู้ไม่ว่า ปธน.สโนว์ได้ส่งเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดหวังจะทำลายปชช.ที่นั้น ด้วยข้อหา กบฏที่สนับสนุนม้อกกิ้งเจย์  ในฉากนี้มีฉากชู 3 นิ้ว อารมณ์นั้นขอบอกเลยว่า มันเป็นอารมณ์ของคนที่ถูกกดขี่ และถูกเอารัดเอาเปรียบ จนแม้กระทั้งชีวิตก็ยังไร้ค่า ได้ลุกขึ้นมาสู้ แล้วลุกกับเผด็จการของปธน.สโนว์ที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น

ฉากชู 3 นิ้ว มันคือสัญลักษณ์ของการต่อต้านเผด็จการที่เลวร้ายในทุกรูปแบบ หาใช่การต่อต้านบุคคลที่ทำเพื่อปชช.  และไม่ใช่สัญลักษณ์ของการทำให้มีประชาธิปไตยแต่อย่างใด เพราะมันไม่ได้หมายถึงคำว่า เสรีภาพ ภราดรภาพ และเท่าเทียม  มันคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์ และไม่ใช่มีไว้เพื่อเอาไว้กดขี่ ต่อต้านใครด้วย

หนังเรื่องนี้จากที่สังเกตเห็นในเหล่าม๊อกกิ้งเจย์จะมีวัยรุ่นเยอะมาก หาได้มีรุ่นพ่อรุ่นแม่เท่าไร ในรุ่นพ่อรุ่นแม่จะเห็นในเขตอื่น แถมไร้อาวุธด้วยนะ  เป็นการตอกย้ำว่า วัยรุ่นจากม๊อกกิ้งเจย์ ยังมีศักยภาพในการต่อต้านเผด็จการ มากกว่า รุ่นพ่อรุ่นแม่  เหล่ารุ่นพ่อแม่ทำหน้าที่สู้ในแบบของปชช.ธรรมดาๆ 

แต่หนังเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับนะว่า ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ สร้างความขัดแย้งในอุดมการณ์การปกครองกับสังคมโลก เพราะหนังเรื่องนี้คงเอาไปฉายในชาติที่มีการปกครองแบบกดขี่ โหดร้าย เช่น เกาหลีเหนือ ซีเรีย ยูเครน อียิปต์ อิรัก  หรือชาติอื่นๆที่มีแนวโน้มหัวรุนแรง ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะขืนเอาไปฉายคงถูกแบนและต่อต้านแน่ๆ แต่มันถูกเอามาฉายในเมืองไทยได้ง่ายๆ โดยไม่มีการปิดกั้น ยกเว้นแต่รบ.อยากปิดเอง 

จำได้ว่าหนังเรื่องนี้จะได้ฉายแต่ต้นปี 57 แต่เลื่อนมาเรื่อยๆจนได้ฉายในรบ.คสช.นี่ละ  คิดแล้วก็ขำนะ หนังต่อต้านเผด็จการแต่ได้การยอมรับในการแสดงออกฉายในรบ.คสช.ที่ยึดอำนาจรบ.ปูมา  ทว่าก็เข้าใจได้ว่า หนังเรื่องนี้มันแตกต่างกับ คสช. ตรงที่ ในหนังเค้าจะปฏิวัติ  ส่วนของจริงในไทยเราดัน รัฐประหาร ..

ถ้าจะให้อธิบายก็ง่ายๆ คือ ม้อกกิ้งเจย์เป็นกบฏที่จะล้มล้างระบอบเผด็จการทหารของปธน.สโนว์  ให้กลายเป็นระบอบการปกครองอื่นๆ  ส่วนรัฐประหารของไทยคือ การยึดอำนาจจากรบ.เก่า เพื่อขึ้นเป็นรบ.ใหม่ ส่วนระบอบปกครองเดิมยังอยู่เหมือนเดิม   

นี่คือความแตกต่างที่ง่ายที่สุดที่ทำให้ รบ.คสช.ไม่แบนหนังเรื่องนี้ เพราะมันไม่ได้ถูกเสี้ยมให้มาต่อต้านรบ.ที่ยึดอำนาจ แต่หนังเรื่องนี้ถูกเสี้ยมให้ล้มล้างการปกครองต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหนังเรื่องนี้ถูกเสี้ยมให้มาล้มล้างการปกครองปชต.อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปเป็นระบอบการปกครองอื่นๆ นั้นละถึงค่อยแบนหนังเรื่องนี้ ...


ฉากที่เหล่าม๊อกกิ้งเจย์ถูกฆ่า เหล่าปชช.พาเน็มต้องหวาดกลัว แล้วทำงานให้ปธน.สโนว์ พอได้ดูแล้วนึกถึงฉากฆ่าล้างมนุษย์ที่ตากใบ กรือเซะ และตอนสงครามยาเสพติด รวมไปถึง การลอบฆ่า ก่อการร้ายจากเหล่าโจรทั้งหลายที่มีเจ้านายสั่งอะ  ในใจทำให้นึกถามขึ้นมาว่า  เค้าทำผิดมากจนถึงต้องฆ่าเค้าอย่างเลือดเย็นเลยหรือ แถมด้วยอยากรู้ว่า คุณเห็นพวกเค้าเป็นเพื่อนมนุษย์ หรือเป็นของเล่นที่ให้บันเทิงกับตนเองกันแน่

เมื่อดูหนังเรื่องนี้ ขั้นแรกต้องดูที่มาว่า เหตุใด พาเน็มถึงต้องการ ปชต. เค้าเข้าใจถึงคำว่า ปชต.มากแค่ไหน และเมื่อดูแล้วสิ่งที่ทำให้พวกเค้าต่อต้าน ปธน.สโนว์คืออะไร แล้วอะไรทำให้พาเน็มถึงต้องการการปกครองปชต. มากกว่าเผด็จการทางความคิด ทางการกระทำ และทางปัจจัย4

อย่างที่ดูหลายคนก็คงไม่ได้สนใจ แต่เราที่ดูกลับสนใจว่า  ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดมาจากพฤติกรรมของสังคม และสภาพแวดล้อมที่ทำให้สังคมต้องเข้มแข็ง เพื่อป้องกันการถูกทำลายเผ่าพันธ์ุทิ้ง ตามกฏธรรมชาติของชาลล์ ดาร์วินที่ผู้แข็งแรงกว่าย่อมอยู่รอด  ในหนังมันคือภาพของสังคมที่ต้องเอาตัวรอดจากผู้เข้มแข้งที่เหนือกว่าอย่างปธน.สโนว์ที่มีอำนาจ

สิ่งที่พาเน็มต้องการคือ ปชต. แล้วพาเน็มรู้ว่า แบบใดคือปชต. ก็สังเกตง่ายๆว่า การปกครองของพาเน็มเป็นไปอย่างหลวมๆ มีการพูดคุย แสดงความเห็น และให้เกียรติกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ เป็นเสรีภาพที่เข้าใจกันและกันในความแตกต่าง ไม่ใช่เสรีภาพที่จะทำทุกอย่างตามความต้องการอย่างปธน.สโนว์นะ   แค่นี้เราก็คิดว่า มันคือประชาธิปไตย แล้วละ


เมืองไทยนี่โชคดีนะที่มีประชาธิปไตยที่มีเสรีเยอะมากเกินกว่ากำหนด แถมเยอะเกินจนไม่ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ เยอะจนมันกลายเป็นเผด็จการไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าเมืองไทยเป็นชาติที่ปชช.กำลังเข้าสู่ยุคเผด็จการทางความคิด และการกระทำตามใจตนเอง อย่างปธน.สโนว์ก็เห็นว่ามันใช่เลยแหละ  พอมีคนที่อยากจะเป็นกบฏมาขัดขวางการคิดแบบเสรีเผด็จการ เหล่าเผด็จการที่เสรีทั้งหลายก็พยายามต่อต้านสิ่งนั้นๆ เห็นแล้วก็ต้องยอมรับว่า เมืองไทยมีการพัฒนาระบบเผด็จการไปไกลกว่าหนังเรื่องนี้สุดๆ

สุดท้ายนี้ ต้องขอบอกว่า 3 นิ้วมีไว้เพื่อลุกขึ้นสู้กับเผด็จการที่เลวร้ายทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเผด็จการเสรีทางความคิด เผด็จการทางปัจจัย4 เผด็จการทุนนิยม เผด็จการบุคคลนิยม หรือเผด็จการอำนาจนิยม นั้นเอง ดังนั้นมันคือสัญลักษณ์ของ การให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ไม่ใช่การมองว่า ใครสูงใครต่ำ ใครรวย ใครจน แต่มันคือสัญลักษณ์ของเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันแม้จะแตกต่างกัน